สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธที่ 1 ต.ค. 2025: รัฐบาล Shutdown! จ้างงานหด! แต่ S&P 500 ทํา All Time High? ยังไม่จบ 'ขาขึ้น'?

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาทำจุดสูงสุดใหม่เมื่อวานนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะเข้าสู่ภาวะปิดทำการ (shutdown) และข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ โดย S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +0.34% หลังเปิดตลาดในแดนลบ แต่มาสามารถปิดที่ระดับสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่ 29 ของปีนี้ ส่วน Dow Jones ขยับขึ้น +0.09% และ Nasdaq เพิ่มขึ้น +0.42% กลับมาใกล้ระดับสูงสุดของเดือนกันยายนอีกครั้ง

ในช่วงเช้า ตลาดเปิดในแดนลบ ซึ่งบางฝ่ายมองว่าเป็นผลจากการเริ่มต้นของ shutdown แต่ Bespoke Investment Group มองว่า “เรื่อง shutdown นี้ ตลาดรับรู้มาก่อนและมีการประเมินความแน่นอนไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ้าตลาดกังวลจริง S&P 500 คงไม่ปรับขึ้นแรงในวันก่อนหน้า” นอกจากนี้ข้อมูลในอดีตยังชี้ว่าในแต่ละ shutdown ที่กินเวลานานกว่า 5 วัน S&P 500 มักจะบวกเฉลี่ย 0.1%

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้ราคาพันธบัตรสูงขึ้นและอัตราผลตอบแทนปรับลดลง หลังจากข้อมูลจ้างงาน ADP ระบุว่าเดือนกันยายนมีการลดลงของตำแหน่งงานภาคเอกชนถึง 32,000 ตำแหน่ง และปรับลดตัวเลขเดือนก่อนหน้าเช่นกัน เรื่องนี้ทำให้ตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ โดย CME FedWatch Tool ให้โอกาสปรับลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมที่ 100% และถัดไปก็สูงขึ้นอีก

ปัจจัย shutdown ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจจากภาครัฐจะหยุดชะงัก ซึ่ง Fed และนักลงทุนต้องพึ่งข้อมูลจากภาคเอกชนอย่าง ADP สำหรับการวิเคราะห์เศรษฐกิจระยะต่อไป ส่วนตลาดหุ้นรวมๆ โดยเฉพาะ Wall Street ยังเน้นให้ความสำคัญกับข้อมูลพื้นฐานบริษัทและแนวโน้มเศรษฐกิจมากกว่า shutdown ในระยะสั้น โดยอดีตชี้ว่าตลาดหุ้นมักไม่ค่อยได้รับผลกระทบรุนแรงจากเหตุการณ์ลักษณะนี้ ยกเว้น shutdown ที่ยาวนานอาจสร้างความผันผวนเพิ่มขึ้น แต่รอบนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยัง “มองข้าม” ความเสี่ยงดังกล่าว

เหตุการณ์นี้เน้นให้เห็นว่า แม้จะมีปัจจัยไม่แน่นอนเช่น shutdown แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปรับตัวขึ้นได้จากความเชื่อมั่นในผลประกอบการบริษัทใหญ่และการคาดหวังการลดดอกเบี้ย บทเรียนจากอดีตชี้ให้ระวัง shutdown ที่ยืดเยื้อ เพราะอาจสร้างแรงกดดันใหม่ แต่โดยรวมแล้ว จุดแข็งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือความสามารถในการรับมือกับข่าวลบและโฟกัสที่ปัจจัยระยะยาวมากกว่าแรงกระเพื่อมในระยะสั้น