- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันศุกร์ที่ 12 ก.ย. 25: Dow Jones ทะลุ 46,000 จุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์!! ฉลองล่วงหน้า Fed ลดดอกเบี้ย!!
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันศุกร์ที่ 12 ก.ย. 25: Dow Jones ทะลุ 46,000 จุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์!! ฉลองล่วงหน้า Fed ลดดอกเบี้ย!!

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้งขนาดใหญ่และเล็กปรับตัวขึ้นแรง เพราะนักลงทุนเชื่อมั่นว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หลายสินทรัพย์หลักปรับตัวดีขึ้น ไม่ใช่แค่หุ้นกลุ่มใหญ่อย่าง S&P 500 ที่ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไป +0.85% แต่หุ้นขนาดเล็กก็มาแรงเช่นกัน โดย Russell 2000 พุ่งถึง +1.83% แตะระดับสูงสุดของปีนี้ ขณะเดียวกัน Nasdaq ก็สร้างสถิติใหม่ +0.72% ส่วน Dow Jones ก็เพิ่มขึ้นแรงถึง +1.36% ทะลุระดับ 46,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์!!
รอบนี้มีสินทรัพย์หลากหลายประเภทปรับตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคริปโต เช่น Bitcoin และ Ethereum หรือแม้แต่พันธบัตรรัฐบาลซึ่งราคาปรับขึ้น ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็ลดลง เพราะราคาปรับขึ้น อธิบายง่ายๆคือเวลาคนแห่ซื้อพันธบัตร ผลตอบแทนที่คนจะได้รับก็ลดลง ส่วนราคาน้ำมัน ทองคำ และเงินดอลลาร์ กลับปรับตัวลดลงในวันเดียวกัน
กลไกหลักที่ทำให้ตลาดคึกคัก แม้จะมีข่าวร้าย คือจำนวนคนที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์เพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2021 โดยรัฐเท็กซัสเป็นรัฐที่มีจำนวนคนขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้กลับถูกกลุ่มนักวิเคราะห์บางกลุ่มมองว่า “ไม่น่ากังวล” เพราะถ้าตัด Texas ออก ตัวเลขการขอรับสวัสดิการยังอยู่ในระดับปกติเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
แม้ตัวเลขว่างงานเพิ่มขึ้นแต่ข้อมูลเงินเฟ้อกลับออกมาตามคาด ไม่มีความรุนแรงผิดปกติ นักวิเคราะห์เลยมองว่า แรงกดดันที่ Fed จะต้องลดดอกเบี้ยมีสูงมาก และในสัปดาห์หน้าที่จะมีการประชุม FOMC ก็น่าจะมีการประกาศลดดอกเบี้ยแทบจะ 100% โดยตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยสูงสุดถึง 0.75% ตลอดปีนี้ และอาจมีเซอร์ไพรส์ลด 0.5% ในรอบหน้าเลยด้วยซ้ำ
เหตุผลที่ดอกเบี้ยต่ำลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะบริษัทจะกล้ากู้เงินมาลงทุนหรือขยายกิจการมากขึ้น ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยถูกลง เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวและคนมีงานทำมากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าหาก Fed ไม่ลดดอกเบี้ยเร็วๆนี้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะอาจสร้างต้นทุนสูงต่อเศรษฐกิจ ขณะที่สถานการณ์เงินเฟ้อก็ยังล่อแหลม เพราะสินค้าหลายรายการปรับราคาขึ้นเกิน 3% ซึ่งเหนือกว่ากรอบเป้าหมายของ Fed ที่ 2% ที่ผ่านมา แม้ว่างานจะดูอ่อนแอลง แต่จริงๆอาจเป็นเพราะธุรกิจชะลอการตัดสินใจเนื่องจากยังไม่แน่ใจนโยบายด้านศุลกากรและต้นทุนเป็นหลัก
ปัญหาต้นทุนในสหรัฐฯยังไม่ชัดเจน ทำให้ธุรกิจวางแผนลำบาก คนทั่วไปก็เริ่มรับความเสี่ยงราคาสินค้าที่สูงขึ้นไม่ได้เท่าเดิม ขณะเดียวกันราคาวัตถุดิบหลายอย่างปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ เช่น ราคากาแฟที่พุ่งแรงในตลาดโลก
จุดสำคัญคือ “ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed กลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ทุกสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น ทั้งหุ้นใหญ่, หุ้นเล็ก และหุ้นเทคฯ แม้ว่าข่าวแรงงานจะดูไม่ดีนักและเงินเฟ้อก็ยังคุมไม่อยู่ แต่อารมณ์ตลาดยังมองบวกเพราะเชื่อว่า การลดดอกเบี้ยจะช่วยประคองเศรษฐกิจและตลาดทุนในระยะใกล้”