- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธที่ 15 ต.ค. 2025: เขียวสลับแดง! ตลาด "รอดูทิศทาง"!! ทั้งสงครามการค้า, Shutdown แม้ไตรมาสทะลุคาด!!
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธที่ 15 ต.ค. 2025: เขียวสลับแดง! ตลาด "รอดูทิศทาง"!! ทั้งสงครามการค้า, Shutdown แม้ไตรมาสทะลุคาด!!

ตลาดหุ้นสหรัฐในวันพุธยังคงผันผวนต่อเนื่อง โดยมีทั้งปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน, การปิดหน่วยงานรัฐบาล (shutdown) ที่ยืดเยื้อถึงวันที่ 15 และกระแสรายงานผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆ ที่ดึงความสนใจของนักลงทุน ขณะที่ S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น +0.40%, Nasdaq ขยับขึ้น +0.66% ส่วน Dow Jones ปิดลดลงเล็กน้อย -0.04%
ผลประกอบการจากธนาคารใหญ่อย่าง Bank of America และ Morgan Stanley รวมถึงอีกหลายบริษัท มีแนวโน้มดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดย 8 ใน 10 บริษัทที่ประกาศงบในเช้าวันพุธ ทำกำไรไตรมาสล่าสุดได้เกินเป้า ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นชั่วคราวในตลาด แม้ช่วงท้ายวันแรงซื้อค่อยๆอ่อนแรงลง
นักวิเคราะห์จาก CappThesis ระบุว่าตลาดกำลังอยู่ในจุด "รอดูทิศทาง" หลังจากร่วงแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ราคาจะพยายามรีบาวด์ แต่แรงซื้อยังคงไม่ชัดเจน โดยมองว่าทั้งฝั่งที่รอขายทำกำไรและฝั่งที่รอซื้อช่วงย่อ ต่างควรใช้ความอดทนเพราะยังไม่เห็นสัญญาณเคลื่อนไหวที่ชัดเจนพอจะคาดเดาทิศทางได้
ในอีกด้าน นักลงทุนต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ถูกเลื่อนประกาศเนื่องจากภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล ขณะเดียวกัน นักลงทุนหลายฝ่ายก็กำลังรอดูท่าทีใหม่ๆ จากข้อพิพาททางการค้าระหว่างรัฐบาลทรัมป์และจีน โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวว่ารัฐบาลอาจพิจารณา "ยุติความร่วมมือทางธุรกิจ" บางด้านกับจีน เพิ่มความตึงเครียดในตลาดอีกระลอก
สถานการณ์ตอนนี้คล้ายการรอให้ตลาด “เลือกข้าง” ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย โดยไตรมาสบริษัทช่วยประคองตลาดไม่ให้ย่อลึก แต่ความไม่ชัดเจนด้านเศรษฐกิจและการเมืองยังจำกัดการเติบโตในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หาก Fed ยืนยันการลดดอกเบี้ยในปลายปีตามที่ตลาดคาดไว้ มูลค่าหุ้นโดยรวมอาจได้รับแรงหนุนเพิ่ม จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงซึ่งมักกระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
โดยสรุปคือ ตลาดยังไม่ส่งสัญญาณชัดว่าจะฟื้นหรือพักฐานต่อไป เพื่อนๆนักลงทุนจึงควรจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในช่วงสัปดาห์ถัดไป รวมถึงการสื่อสารจาก Fed ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางระยะสั้น หากตัวเลขเศรษฐกิจหรือการเจรจาการค้าส่งสัญญาณบวก ตลาดหุ้นอาจกลับมาฟื้นอย่างจริงจังได้อีกครั้ง