• ลงทุนหุ้นอเมริกา
  • Posts
  • สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสฯที่ 16 ต.ค. 2025: แดงทั้งกระดาน! ดัชนีความกลัวพุ่ง! วิกฤตแบงก์กลับมา "หลอน" ตลาดหุ้นสหรัฐฯ?

สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสฯที่ 16 ต.ค. 2025: แดงทั้งกระดาน! ดัชนีความกลัวพุ่ง! วิกฤตแบงก์กลับมา "หลอน" ตลาดหุ้นสหรัฐฯ?

เมื่อวันพฤหัสฯตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงแรง เพราะนักลงทุนกังวลเรื่องความเสี่ยงในกลุ่มธนาคารภูมิภาค โดยเฉพาะหลังจากที่ Zions Bancorporation ประกาศว่าต้องกันเงิน $50 ล้าน รองรับความเสียหายจากลูกค้าสินเชื่อสองรายที่มีปัญหาทางกฎหมาย ส่งผลให้หุ้นธนาคารอื่นๆ ถูกเทขายตามไปด้วย ทำให้การทำงานของระบบธนาคารยิ่งถูกตั้งคำถามมากขึ้น เมื่อรวมกับข่าวจาก JPMorgan ที่ซีอีโอ Jamie Dimon เปรียบว่า “เมื่อเราเห็นแมลงสาบตัวหนึ่ง ก็มักจะมีตัวอื่นซ่อนอยู่ด้วย” หมายถึง การล้มละลายหรือปัญหาในบริษัทหนึ่ง อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาซ่อนอยู่อีกในระบบ ไม่ใช่แค่กรณีเดียว

ขณะที่ตลาดหุ้น Dow Jones ตกลง -0.65% ส่วน S&P 500 และ Nasdaq ก็ติดลบ -0.63% และ -0.47% ตามลำดับ ตลาดพันธบัตรกลับได้รับความสนใจในฐานะแหล่งพักเงินปลอดภัย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 10 ปี ร่วงมาอยู่ต่ำกว่า 4% เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน สะท้อนว่าคนเริ่มระวังความเสี่ยงและต้องการความมั่นคงมากขึ้น และพันธบัตรระยะสั้นก็ร่วงลงมาที่ 3.43% ต่ำสุดในรอบสองปี

ดัชนี VIX ซึ่งใช้วัดความปั่นป่วนของตลาด พุ่งขึ้นแตะ 25 จุด ถือว่าเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถ้าค่าดัชนียังคงอยู่เหนือ 20 ถือว่าสัญญาณไม่แน่นอนและความเสี่ยงเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงมีท่าทีระมัดระวัง

นอกจากประเด็นธนาคารแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน เกี่ยวกับ rare earths และมาตรการควบคุม รวมถึงเหตุการณ์ government shutdown ทำให้ความไม่แน่นอนในภาพรวมยังคงสูงต่อเนื่อง

ส่วน Fed ดูเหมือนจะเอื้อต่อการลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม หลังผู้ว่าการ Fed มีท่าทีผ่อนคลายลง ด้านนักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสลดดอกเบี้ยถึง 100% จากเครื่องมือ FedWatch และเชื่อว่าดอกเบี้ยจะลดลงอีกครึ่งเปอร์เซ็นต์สิ้นปีนี้ โดยคาดว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ยถึงสามครั้งก่อนสิ้นปีขยับจาก 0% เป็นมากกว่า 16%

เหตุการณ์ตลาดหุ้นตอนนี้เน้นให้เห็นความเปราะบางในระบบการเงิน ทั้งจากปัญหาสินเชื่อในแบงก์ภูมิภาคและคำเตือนเรื่องผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้ตลาดหวั่นไหวและเข้าหา "สินทรัพย์ปลอดภัย" อย่างพันธบัตรทันที ประเด็นสำคัญคือความไม่แน่นอนและความเสี่ยงยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะต้องติดตามว่านโยบายการเงินที่ผ่อนปรนจะช่วยบรรเทาภาวะได้มากแค่ไหน เพื่อนๆนักลงทุนควรวางกลยุทธ์แบบรอบคอบและเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวจากปัจจัยหลายด้านที่ยังไม่ชัดเจนในระยะนี้