- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันเสาร์ที่ 2 ส.ค. 2025: ศุกร์แดงเดือด!! หุ้นร่วงหนัก! ตัวเลขจ้างงานแย่-ทรัมป์ขึ้นภาษี!! เศรษฐกิจส่งสัญญาณ?
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันเสาร์ที่ 2 ส.ค. 2025: ศุกร์แดงเดือด!! หุ้นร่วงหนัก! ตัวเลขจ้างงานแย่-ทรัมป์ขึ้นภาษี!! เศรษฐกิจส่งสัญญาณ?

ตลาดหุ้นสหรัฐในวันศุกร์นี้ร่วงแรงหลังรายงานการจ้างงานเดือนกรกฎาคมออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจอาจกำลังเข้าสู่ช่วงที่อ่อนแอ ข้อมูลล่าสุดเผยว่ามีการจ้างงานใหม่เพียง 73,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม จากที่นักวิเคราะห์คาดหวังไว้ราว 100,000 ตำแหน่ง แถมยังมีการปรับลดตัวเลขจ้างงานของเดือนก่อนหน้าลงถึง 258,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการทบทวนตัวเลขลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 ภาพรวมแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มชะลอลงมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ อัตราการว่างงานขยับขึ้นเป็น 4.2% สะท้อนว่าแรงงานเริ่มมีปัญหาในการหางานใหม่บางส่วน
ขณะเดียวกัน ความกดดันต่อตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นอีก เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศตั้งกำแพงภาษีใหม่กับประเทศคู่ค้าอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้นักลงทุนยิ่งกังวลว่าสถานการณ์นี้จะซ้ำเติมภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าโลก ตลาดหุ้นทั้งในสหรัฐ ยุโรป และเอเชียต่างพากันปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดย Dow Jones ร่วงประมาณ -1.23% ส่วน S&P 500 ลดลง -1.60% และ Nasdaq ร่วงหนักถึง -2.24% ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 3 เดือน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Amazon ก็โดนขายออกเพราะผิดหวังกับแนวโน้มการเติบโต แม้ว่าตลาดจะได้แรงหนุนจากกระแส AI ก็ตาม
ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed มีโอกาสสูงที่จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน เพื่อประคองเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณอ่อนแรง ข้อมูลจาก CME FedWatch ชี้ว่าความน่าจะเป็นของการลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากตัวเลขแรงงานถูกปรับลบจำนวนมาก นักวิเคราะห์บางรายถึงกับบอกว่านี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เพราะ Fed ต้องรับมือกับแรงกดดันทั้งเรื่องเงินเฟ้อจากกำแพงภาษี และภาวะเศรษฐกิจที่เสี่ยงจะชะลอตัว
นักวิเคราะห์มองว่าหาก Fed ไม่สามารถสร้างความสมดุลระหว่างเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้นกับเศรษฐกิจที่เริ่มอ่อนแอ สถานการณ์จะเป็นลบต่อหุ้นส่วนใหญ่ ยกเว้นบริษัทที่กำไรเติบโตได้โดดเด่นจากกระแส AI ส่วนปัจจัยภายนอกอย่างสงครามการค้าและมาตรการภาษี ก็ยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ตลาดต้องจับตา ในช่วงนี้ความผันผวนในตลาดจะยังสูงมาก เพื่อนๆนักลงทุนจึงควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจและการตัดสินใจของ Fed อย่างใกล้ชิด