- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสฯที่ 2 ต.ค. 2025: ช็อกตลาดโลก!! หุ้นสหรัฐฯ 'All-Time High' ไม่หยุด!! ฝ่าวิกฤติ Shutdown!!
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสฯที่ 2 ต.ค. 2025: ช็อกตลาดโลก!! หุ้นสหรัฐฯ 'All-Time High' ไม่หยุด!! ฝ่าวิกฤติ Shutdown!!
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง แม้รัฐบาลจะเข้าสู่ภาวะปิดทำการ (shutdown) มาเป็นวันที่สอง โดย Dow Jones เพิ่มขึ้น +0.17% ดัชนี S&P 500 ขึ้น +0.06% และ Nasdaq ขยับขึ้น +0.4% ซึ่ง S&P และ Nasdaq ต่างปิดสูงสุดเป็นครั้งที่ 30 ของปี ส่วน Dow ก็คว้าสถิติสูงสุดครั้งที่ 10 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 ที่ทั้งสามดัชนีเดินหน้าพร้อมกันติดต่อกันห้าวัน
บรรยากาศในตลาดค่อนข้างสงบ เพราะข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วน เช่น ตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ ถูกระงับชั่วคราวจากผลของ shutdown และรายงานภาคแรงงานของเดือนกันยายนก็ต้องเลื่อนไปก่อน จนกว่าจะคลี่คลายเหตุการณ์นี้
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia, AMD และ Samsung ที่ได้รับแรงหนุนจากความเคลื่อนไหวของบริษัท OpenAI ซึ่งข่าวดีล่าสุดคือ OpenAI มีการประเมินมูลค่าพุ่งขึ้นถึง $500,000 ล้าน สร้างแรงกระเพื่อมในภาคเทคโนโลยีและจุดประกายความคึกคักในกลุ่ม AI นักลงทุนจึงยังแห่ซื้อหุ้นกลุ่มนี้ต่อเนื่อง
ผลตอบรับในตลาดตราสารหนี้ก็สะท้อนภาพการปรับตัวของเม็ดเงินลงทุนเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น 2 ปี ขยับขึ้นมาที่ 3.55% ส่วนระยะยาว 10 ปี กลับลดลงเหลือ 4.09% สะท้อนว่าตลาดยังมั่นใจในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ แม้จะมีปัจจัยไม่แน่นอนจากฝั่งรัฐบาล
ปัจจัยพื้นฐานยังคงเน้นไปที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าช่วงเริ่มต้นไตรมาสใหม่หรือเดือนใหม่ นักลงทุนควรมองหากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเป็นผู้นำตลาดต่อไป ซึ่งตอนนี้กลุ่มเทคฯ ยังคงโดดเด่น แต่กลุ่มอื่นถือว่าทำงานดีพอสมควร ส่งผลให้ตลาดหุ้นยังคงมีสมดุล ไม่เอนไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป
ด้านโอกาสที่รัฐบาลจะเปิดทำงานเร็วๆนี้ ยังดูมีแนวโน้มต่ำ โดยคาดว่าโอกาสที่ shutdown จะยาวไปถึงหลังวันที่ 15 ตุลาคมอยู่ที่ 47% และโอกาสจะจบระหว่างวันที่ 10 ถึง 14 ตุลาคมมี 32% ขณะที่โอกาสจะจบก่อนสุดสัปดาห์นี้นั้นต่ำมาก เพียง 2% เท่านั้น
จากข้อมูลในอดีต S&P 500 มักให้ผลตอบแทนดีในช่วง government shutdown โดยตัวเลขเฉลี่ยรวมถึงรอบที่เคยเกิดขึ้นในปี 2018-2019 ซึ่งในตอนนั้นมีการเปลี่ยนนโยบายการเงินตามแนวทางผ่อนคลายโดยประธาน Fed ช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับขึ้นแรง ช่วงนี้นักลงทุนจึงไม่ตื่นตระหนกกับความเสี่ยงในระยะสั้น
แม้จะมีสถานการณ์ปิดทำการของรัฐบาลซึ่งทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนขาดหาย แต่ตลาดหุ้นโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยียังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องและสร้างสถิติใหม่ได้ เพื่อนๆนักลงทุนจึงควรจับตาท่าทีของรัฐบาล และการประกาศผลประกอบการไตรมาสหน้า ว่าจะเอื้อโอกาสต่อการหมุนเวียนกลุ่มผู้นำในตลาดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ยังถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ตลาดหุ้นสมดุลในช่วงนี้