- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ พฤหัสฯที่ 20 พ.ย. 2025: ตลาดแกงหม้อใหญ่! หลอกให้ดีใจแล้วทุบทิ้ง!! เปิด 2 ข่าวร้าย สกัดขาขึ้น!!
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ พฤหัสฯที่ 20 พ.ย. 2025: ตลาดแกงหม้อใหญ่! หลอกให้ดีใจแล้วทุบทิ้ง!! เปิด 2 ข่าวร้าย สกัดขาขึ้น!!

เมื่อคืนนี้ใครเฝ้าจอคงต้องร้องว่า ตลาดเล่นบท "ตบหัวแล้วลูบหลัง" ชัดๆ! บรรยากาศการลงทุนเมื่อวานเปรียบเหมือน "ภาพลวงตา" เปิดตลาดมาเขียวสดใสรับงบ Nvidia แต่สุดท้ายปิดแดงเถือก ชนิดที่เรียกว่าหักหัวลงแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน!
สรุปภาวะตลาด: จากเขียวแสบตา..สู่การเทขายหนัก!!
Nasdaq: เจ็บหนักสุด ปิดลบ -2.15% ทั้งที่ช่วงแรกพุ่งไปถึง +2.6% เรียกว่าสวิงโหดมาก
S&P 500: ปิดลบ -1.56%
Dow Jones: ปิดลบ -0.84%
วิเคราะห์เจาะลึก "ทำไมตลาดเท?"
ช่วงเช้า "Nvidia พาเพลิน":
เปิดตลาดมา ทุกอย่างดูดีมาก เพราะพระเอกของเรา Nvidia ประกาศงบ Q3 ออกมา "ดีกว่าคาด" อีกแล้ว!
รายได้และกำไรยังเติบโตโหด
Guidance ก็ยังดูดี
ทำให้นักลงทุนโล่งใจว่า "AI Boom ยังไม่จบ"
ผลคือ หุ้น Tech ดีดตัวขึ้นแรง Nasdaq พุ่งไปกว่า +2% ในช่วงแรก เพราะคนแห่ซื้อด้วยความโล่งใจ
แต่…ช่วงบ่าย "ความจริงกระแทกตา"!
ความสุขอยู่ได้ไม่นาน ตลาดเริ่มได้สติและเทขายออกมาอย่างหนัก ด้วย 2 เหตุผลหลักที่มาขัดขา:
AI Bubble ยังตามหลอกหลอน พอหายตื่นเต้นกับงบ Nvidia นักลงทุนเริ่มกลับมาตั้งคำถามเดิมครับว่า "โอเค Nvidia ขายชิปได้เยอะ แต่บริษัทที่ซื้อชิปไปลงทุน (พวก Big Tech) จะทำเงินคืนได้เมื่อไหร่?"
ความกลัวเรื่อง "Overinvesting" หรือการลงทุนเกินตัวกลับมาอีกครั้ง
กลายเป็นว่า "ข่าวดีก็ขาย (Sell on Fact)" Nvidia จากที่บวกแรงๆ ตอนเช้า พลิกกลับมาปิดลบกว่า -3.15% ดึงเพื่อนๆ ในกลุ่ม Tech ร่วงระนาว
2. "ตัวเลขจ้างงาน" ดับฝันดอกเบี้ยขาลง อันนี้คือตัวแปรสำคัญ เมื่อวานมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือนกันยายน (ที่ล่าช้าเพราะ Government Shutdown ก่อนหน้านี้)
ตัวเลข: จ้างงานเพิ่ม 119,000 ตำแหน่ง (มากกว่าที่คาดไว้แค่ 51,000 เยอะมาก!)
ความหมาย: เศรษฐกิจยังแข็งแกร่งเกินไป! ทำให้ Fed อาจจะ "ไม่รีบลดดอกเบี้ย" ในเดือนธันวาคมนี้
ตลาดที่เคยหวังว่าดอกเบี้ยจะลงแน่ๆ ก็เลยฝันสลาย เทขายสินทรัพย์เสี่ยงทันที
ระยะสั้นอารมณ์ตลาดยังผันผวนและอ่อนไหวกับข่าวมาก แต่ในระยะยาว Story ของ AI ยังไม่เปลี่ยน แต่ช่วงนี้อย่าเพิ่งรีบ "รับมีด" รอตลาดตั้งหลักให้ได้ก่อน โดยเฉพาะหุ้น Tech ที่ราคาขึ้นมาสูงๆ และควรจับตาดู Bond Yield ให้ดี ถ้ายังพุ่งต่อ หุ้นเติบโตจะเหนื่อยหน่อย