- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันเสาร์ที่ 20 ก.ย. 2025: All-Time High' ต่อเนื่อง แม้การเมืองวุ่นวาย!! แต่ทําไมหุ้นส่วนใหญ่ 'ไม่วิ่งตาม' ตลาด??
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันเสาร์ที่ 20 ก.ย. 2025: All-Time High' ต่อเนื่อง แม้การเมืองวุ่นวาย!! แต่ทําไมหุ้นส่วนใหญ่ 'ไม่วิ่งตาม' ตลาด??

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดวันศุกร์ด้วยบรรยากาศสดใส แม้ว่าจะมีข่าวว่าวุฒิสภาไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่เคยผ่านจากสภาผู้แทนฯมาก็ตาม โดย Dow Jones เพิ่มขึ้น +0.37% ขณะที่ S&P 500 ขึ้น +0.49% และ Nasdaq พุ่ง +0.72% ทั้ง 3 ดัชนีต่างปิดตลาดด้วยสถิติสูงสุดใหม่ทั้งหมด ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันที่แต่ละดัชนีสร้างสถิติใหม่
นักลงทุนส่วนใหญ่ดูไม่กังวลกับความเสี่ยงจากปัญหางบประมาณรัฐบาล แม้สุดท้ายวุฒิสภาจะปัดตกทำให้ร่างกฎหมายไม่ผ่านไปถึงขั้นตอนถัดไป ส่งผลต่อความเสี่ยงเรื่องการปิดหน่วยงานรัฐ แต่ตลาดกลับตอบรับด้วยความ "ใจเย็น" ไปต่อได้อย่างมั่นคง
ในแง่ของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า กลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มหลักเดียวที่ติดลบ โดยร่วงลง -1.5% สวนทางกับราคาน้ำมัน WTI ซึ่งลดลง -1.1% ปิดที่ $62.86 ต่อบาร์เรล ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี สาธารณูปโภค และการสื่อสารเป็นหัวหอกหลักในการผลักดันตลาด
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เมื่อวานนี้ตลาดจะดูแข็งแรง แต่จริงๆแล้ว มีหุ้น S&P 500 ที่ราคาขึ้นไม่ถึงครึ่ง คือแค่ 208 ตัว เท่ากับว่าตลาดส่วนมากยังไม่ได้ปรับขึ้นตามกัน พอไปดู ETF ที่ให้น้ำหนักหุ้นทุกตัวเท่าๆกัน (ไม่ใช่แค่บริษัทใหญ่) จะเห็นว่าติดลบ -0.2% ซึ่งแปลว่า หุ้นกลุ่มใหญ่เท่านั้นที่ดันดัชนีให้ดูบวก แต่หุ้นกลุ่มอื่นๆ ยังไปไม่พร้อมกัน
ที่น่าสนใจคือ หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Microsoft, Tesla, Amazon, Apple, Meta, Nvidia และ Alphabet ที่อยู่ในกลุ่ม "Magnificent Seven" ยังถูกมองว่าเป็นตัวดันตลาดชัดเจน โดย ETF ที่รวมหุ้นกลุ่มนี้อย่าง Roundhill Magnificent Seven ETF ยังบวกถึง +1.26% ในวันเดียวกัน
แม้จะมีประเด็นการเมืองหรือความเสี่ยงเศรษฐกิจระยะสั้นเข้ามากระทบ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังเน้นไปที่พลังขับเคลื่อนจากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กยังไม่ค่อยได้รับแรงหนุนเท่าไร จุดสำคัญคือ ตลาดปรับตัวขึ้นต่อโดยไม่สนใจปัจจัยลบระยะสั้น แต่หุ้นกลุ่มใหญ่ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ดันตลาดให้ดูแข็งแกร่ง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดยังเปราะบาง ถ้าแรงขับเคลื่อนกลุ่มเทคโนโลยีแผ่วลงเมื่อไร ก็มีสิทธิ์เห็นการแกว่งตัวแรงของตลาดในอนาคต