• ลงทุนหุ้นอเมริกา
  • Posts
  • สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันอังคารที่ 22 เม.ย. 2025: ทรัมป์กดดัน Fed ไม่หยุด!! Dow Jones เมษาฯ หนักสุดใน 90 ปี!

สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันอังคารที่ 22 เม.ย. 2025: ทรัมป์กดดัน Fed ไม่หยุด!! Dow Jones เมษาฯ หนักสุดใน 90 ปี!

เมื่อวานตลาดหุ้นสหรัฐฯ เรียกได้ว่า "ร่วงแรง" แบบที่นักลงทุนต้องสะดุ้งกันทั้งตลาด เพราะ Dow Jones ร่วงลง 2.48% ขณะที่ S&P 500 ก็ลดลง 2.36% และ Nasdaq ก็โดนไป 2.55% ซึ่งถ้าเทียบกับสถิติย้อนหลัง นี่คือ “เดือนเมษายนที่ Dow Jones แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 1932” แปลว่าตลาดกำลังเผชิญแรงกดดันหนักมาก

เบื้องหลังความผันผวนรอบนี้ หลักๆ มาจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่ออกมาโจมตีเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed แบบตรงๆว่า เป็น "คนล้มเหลว" และกดดันให้ลดดอกเบี้ยทันที แถมยังมีข่าวลือว่าอาจจะปลดพาวเวลล์ก่อนหมดวาระด้วย ซึ่งประเด็นนี้ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจในความเป็นอิสระของ Fed และเริ่มมองว่านโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจถูกแทรกแซงทางการเมืองมากขึ้น ส่งผลให้ทั้งหุ้น พันธบัตร และค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าพร้อมกัน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.4% ส่วนดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี นักลงทุนบางส่วนหนีไปหาทองคำจนราคาทองพุ่งแตะจุดสูงสุดใหม่ เพราะไม่มั่นใจว่าทิศทางเศรษฐกิจจะไปทางไหน

นอกจากประเด็น Fed แล้ว ตลาดยังเจอแรงกดดันจากสงครามการค้ารอบใหม่ที่ทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าต่างประเทศ ทำให้หลายประเทศเริ่มตอบโต้กลับ บรรยากาศการค้าระหว่างประเทศเลยตึงเครียดขึ้นอีก นักลงทุนกลัวว่าการค้าชะลอตัวจะฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ชะลอลงจริงๆ

หุ้นเทคโนโลยีถูกเทขายหนัก โดยเฉพาะ Tesla ที่ร่วงลง -5.75% ในวันเดียว เพราะนักลงทุนกังวลเรื่องยอดขายที่ออกมาต่ำกว่าคาด และยังต้องเจอผลกระทบจากภาษีใหม่อีกต่างหาก

ถ้ามองภาพรวมตอนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในช่วงปรับฐานแรง ความมั่นใจของนักลงทุนเริ่มสั่นคลอน เพราะกลัวว่านโยบายเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงแบบคาดเดาไม่ได้ และ Fed อาจไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระเหมือนเดิม แถมยังมีปัจจัยลบจากสงครามการค้าและความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยเข้ามาอีก

ช่วงนี้เพื่อนๆนักลงทุนอาจต้องเน้น "ตั้งรับ" มากกว่ารุก อย่าเพิ่งรีบช้อนซื้อหุ้นเพราะราคาดูถูกลง แต่ให้รอความชัดเจนจากนโยบายเศรษฐกิจและท่าทีของ Fed ก่อน ถ้า Fed ยังรักษาความเป็นอิสระได้และนโยบายการเงินยังดูแลเศรษฐกิจได้อยู่ ตลาดก็อาจฟื้นตัวได้ในระยะกลาง ประเมินเป้าหมายการลงทุนของตัวเองให้ชัดเจน วางแผนการเงินให้เหมาะกับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ อย่าลืมว่าตลาดหุ้นมีขึ้นมีลงเป็นเรื่องปกติ การลงทุนเป็นเรื่องระยะยาวและควรปรับแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเสมอ