สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสฯที่ 22 พ.ค. 2025: Yield พันธบัตรพุ่ง!! หุ้นร่วงทั้งกระดาน! วิกฤต "หนี้สหรัฐฯ" ปะทุ??

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นวันที่ทำผลงานได้แย่สุดในรอบเดือน โดย Dow Jones ลดลง -1.91% ส่วน S&P 500 ปรับตัวลง -1.61% และ Nasdaq ลดลงไป -1.4% ทำไมถึงร่วงแรงขนาดนี้? คำตอบอยู่ที่ตลาดพันธบัตรนี่แหละ

เรื่องมันเริ่มจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 20 ปี ที่มีความต้องการน้อยมาก แสดงว่านักลงทุนไม่ค่อยสนใจถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เท่าไหร่แล้ว ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี พุ่งขึ้นไปถึง 5.09% สูงสุดในรอบ 1 ปี ส่วนพันธบัตรอายุ 10 ปี ก็พุ่งขึ้นไปถึง 4.6% เช่นกัน

ทำไมนักลงทุนถึงกังวลเรื่องพันธบัตร? เพราะว่าตอนนี้มีความกังวลเรื่องงบประมาณรัฐบาลที่เรียกว่า "Big Beautiful Budget Bill" ของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้นมาก จนถึงขนาด Moody's ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น มันส่งผลกระทบต่อหุ้นยังไง?

คือเวลาเราประเมินมูลค่าหุ้น เราต้องคิดถึงกระแสเงินสดในอนาคตแล้วคิดลดกลับมาด้วยอัตราผลตอบแทนที่ปลอดความเสี่ยง เมื่ออัตรานี้สูงขึ้น มูลค่าหุ้นก็จะลดลง เพราะเงินในอนาคตมีค่าน้อยลง นอกจากนี้การลงทุนในพันธบัตรก็น่าสนใจขึ้น เมื่อเทียบกับความเสี่ยงของหุ้น

ที่น่าสนใจคือ ตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัวดีมากจากจุดต่ำสุดในช่วงต้นเดือนเมษายน โดย S&P 500 พุ่งขึ้นกว่า 20% จากจุดต่ำสุด และมีการปรับขึ้น 6 วันติดต่อกันก่อนที่จะมาพบกับการปรับฐานครั้งนี้

สถานการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่า ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า "everything bubble" ที่สินทรัพย์หลายประเภทมีราคาสูงขึ้นพร้อมกัน ทั้งหุ้น ทอง และบิทคอยน์ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะสูงขึ้น ซึ่งโดยปกติควรจะทำให้ราคาสินทรัพย์เหล่านี้ลดลง การเคลื่อนไหวแบบผิดปกตินี้แสดงว่า สินทรัพย์บางประเภทอาจจะมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงในอนาคต หากนักลงทุนเริ่มให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านการคลังของสหรัฐฯ มากขึ้น