สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันศุกร์ที่ 23 พ.ค. 2025: 'Big Beautiful Bill' ป่วน!! ดอกเบี้ยพันธบัตร ส่งสัญญาณเตือน?? ตลาดหุ้นกังวลหนี้ระยะยาว!!

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เหมือนคนที่เล่นเกมส์แล้วเก่งในช่วงแรก แต่พอใกล้จบเกมกลับพลาดไป โดย Dow Jones ปรับตัวขึ้นในช่วงกลางวัน แต่พอใกล้ปิดตลาดกลับร่วงลงมาจนเกือบเท่าเดิม

เหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดผันผวนคือ เรื่องร่างกฎหมายภาษีของทรัมป์ที่สภาผู้แทนฯ เพิ่งผ่านไปแบบหวุดหวิด โหวตได้ 215-214 เสียง ซึ่งคือร่างกฎหมายลดภาษีขนาดใหญ่ที่ทรัมป์เรียกว่า "big, beautiful bill" โดยจะมีการลดภาษีเงินทิปและค่าล่วงเวลาให้เป็นศูนย์ ต่อเวลาการลดภาษีปี 2017 ที่กำลังจะหมดอายุ และเพิ่มเครดิตภาษีเด็กจาก $2,000 เป็น $2,500

แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนกังวลจริงๆคือ ร่างกฎหมายนี้จะทำให้อเมริกาต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นอีก $3.8 ล้านล้าน ใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งตอนนี้อเมริกามีหนี้อยู่แล้ว $36.2 ล้านล้าน แปลว่าจะมีหนี้เพิ่มขึ้นไปอีกเกือบ 11% ที่สำคัญคือร่างกฎหมายนี้ยังผ่านได้แค่ครึ่งเดียว ต้องส่งไปวุฒิสภาต่อซึ่งคาดว่าจะมีการต่อรองกันอีกยาวนาน

ด้านผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่พุ่งขึ้นสูงก็เป็นสัญญาณเตือนว่า นักลงทุนเริ่มเป็นห่วงเรื่องการเงินของรัฐบาลแล้ว พันธบัตร 30 ปีขึ้นไปแตะ 5.15% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ตุลาคม 2023 แปลว่าคนที่จะให้รัฐบาลกู้เงินต้องการดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง

ที่น่าสนใจคือในช่วงบ่าย ผลตอบแทนพันธบัตรกลับลดลงมาบ้าง โดยพันธบัตร 10 ปีลงมาอยู่ที่ 4.55% และ 30 ปีลงมาที่ 5.06% ทำให้หุ้นดีดตัวขึ้นได้บ้าง แต่พอใกล้ปิดตลาดก็กลับลดลงอีกรอบ อาจเป็นเพราะคนขายหุ้นเก็บกำไรก่อนหยุดยาวสุดสัปดาห์

S&P 500 ปิดลบเล็กน้อย -0.044% ขณะที่ Dow Jones แทบไม่เปลี่ยนแปลง -0.0032% แต่ Nasdaq กลับปรับตัวขึ้น +0.28% สาเหตุเพราะหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ฟื้นตัวขึ้นมา โดยเฉพาะ Palantir Technologies, Tesla และ Alphabet ที่ช่วยดันให้ Nasdaq อยู่ในแดนบวก

แต่อันที่จริงถ้าดูรายละเอียดแล้ว ตลาดไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิด เพราะมีหุ้นใน S&P 500 เพียง 167 ตัวเท่านั้นที่ขึ้น และ Invesco S&P 500 Equal Weight ETF ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของตลาดโดยรวมกลับลงไป 0.4%

สถานการณ์นี้สะท้อนความกังวลที่แท้จริงของตลาดต่อนโยบายการคลังของรัฐบาลทรัมป์ การที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวพุ่งสูงเป็นสัญญาณเตือนว่านักลงทุนเริ่มตั้งคำถามกับความสามารถในการชำระหนี้ของสหรัฐฯ ในระยะยาว แม้ตลาดหุ้นจะยังไม่ปรับตัวลงมากนัก แต่การที่ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้นจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว เพื่อนๆนักลงทุนควรจับตาการอภิปรายในวุฒิสภาและปฏิกิริยาของตลาดพันธบัตรอย่างใกล้ชิด เพราะจะเป็นตัวชี้วัดทิศทางของตลาดหุ้นในระยะข้างหน้า