- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประจําวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2025: เมื่อภาษีนําเข้ารถยนต์ของทรัมป์รุนแรงกว่าที่คาด !
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประจําวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2025: เมื่อภาษีนําเข้ารถยนต์ของทรัมป์รุนแรงกว่าที่คาด !
สรุปข่าวตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 28 มีนาคม 2568:
ดัชนี S&P 500, Dow Jones และ Nasdaq ปรับตัวลดลงทั้ง 3 ดัชนี โดยลดลง 0.33%, 0.37% และ 0.53% ตามลำดับ
สาเหตุมาจาก.. ผลกระทบเรื่องภาษีนำเข้ารถยนต์ของทรัมป์ที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทรถยนต์หลายแห่งปรับตัวลดลง โดยเฉพาะ GM ที่ราคาหุ้นลดลงถึง -7.36% สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีใหม่นี้
ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์ทุกคันที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ รวมถึงชิ้นส่วนรถยนต์สำคัญ ที่เดิมทีคิดว่าจะเก็บภาษีเฉพาะรถนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเท่านั้น แต่ตอนนี้ขยายครอบคลุมไปถึงประเทศในยุโรปและเอเชียด้วย
อุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทที่นำเข้ารถจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือยุโรป โดยรถยนต์ที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกจะได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วนสำหรับชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯ แต่ก็เป็นเพียงข้อดีเล็กน้อยเท่านั้นนะครับ
นักวิเคราะห์จาก UBS เตือนว่าการเก็บภาษี 25% กับรถยนต์และชิ้นส่วนจากแคนาดาและเม็กซิโกอาจทำให้กำไรของ Ford และ GM หายไปหมด ส่วนผู้ผลิตชิ้นส่วนก็อาจสูญเสียกำไรไป 30-40% นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าเป็น "พายุที่พัดเข้าใส่" อุตสาหกรรมยานยนต์
ทางด้านสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ (UAW) กลับเห็นด้วยกับการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ของทรัมป์ โดยพวกเขามองว่าข้อตกลงการค้าเสรีที่ผ่านมาทำให้แรงงานสหรัฐฯ เสียโอกาสในการทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์
ประธานสหภาพฯ ถึงกับออกมาแถลงว่า “ภาษีนำเข้านี้เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยแรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์และชุมชนแรงงานทั่วประเทศ และหวังว่าผู้ผลิตรถยนต์จะนำงานที่ดีกลับมาสู่สหรัฐฯ อีกครั้ง” แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องค่าแรงที่แตกต่างกันมากระหว่างสหรัฐฯ (ประมาณ $30 /ชั่วโมง) กับเม็กซิโก (ประมาณ $3 /ชั่วโมง)
ในปี 2024 สหรัฐฯ นำเข้ารถยนต์มากกว่า 7 ล้านคัน คิดเป็น 45% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเม็กซิโก ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทำให้ผลกระทบกระจายเป็นวงกว้าง
ผู้ผลิตรถยนต์คงต้องหาทางรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยอาจจะต้องปรับลดค่าใช้จ่ายในการผลิตลง แต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขึ้นราคาขายรถยนต์ เพื่อให้ธุรกิจยังอยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่ต้นทุนพุ่งสูงขึ้นจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทรัมป์ก็ได้กล่าวว่าดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อรถที่ผลิตในสหรัฐฯ จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เพื่อช่วยชดเชยราคาที่อาจสูงขึ้น
ผลกระทบต่อบริษัทรถยนต์แตกต่างกันไปตามสัดส่วนการผลิตในสหรัฐฯ:
Tesla ได้เปรียบกว่าบริษัทรถยนต์อื่นๆ เพราะรถยนต์ที่ขายในสหรัฐฯ ทั้งหมดผลิตในประเทศ
Ford รถที่ขายในสหรัฐฯ ผลิตในประเทศมากที่สุด คือประมาณ 80% ของยอดขาย
Honda ที่ผลิตในสหรัฐฯ ประมาณ 65%
GM และ Stellantis ประมาณ 55%
Toyota และ BMW ประมาณ 50%
Mercedes ผลิตในสหรัฐฯ น้อยกว่าคือประมาณ 40%
Hyundai และ Kia นำเข้ารถยนต์มาขายในสหรัฐฯ 65% ของยอดขาย
Volkswagen นำเข้ารถยนต์มาขายในสหรัฐฯมากถึง 80%
ส่วนผลกระทบต่อราคาหุ้นเห็นได้ชัด โดย GM ลดลง -7.36%, Ford ลดลง -3.88%, Stellantis ลดลง -1.25% ส่วน Tesla กลับเพิ่มขึ้น +0.39% ผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดย Honda ลดลง -2.53%, Toyota ลดลง -2.8%, Hyundai ลดลง -4.24%, Kia ลดลง -2.97%, Volkswagen ลดลง -1.49%, BMW ลดลง -2.55% และ Mercedes ลดลง -2.69%
เพื่อนๆ นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นอีกในตลาดหุ้นกลุ่มยานยนต์ในอนาคต เพราะนี่เป็นเพียงการตอบสนองของตลาดหุ้นต่อข่าวนี้ในช่วงแรกเท่านั้น !