• ลงทุนหุ้นอเมริกา
  • Posts
  • สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสที่ 3 เม.ย. 2025: เตรียมรับมือตลาดผันผวน! หุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักหลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี

สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสที่ 3 เม.ย. 2025: เตรียมรับมือตลาดผันผวน! หุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักหลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี

วันพุธที่ 2 เมษายน ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดแดนบวก โดยสำนัก BofA กล่าวว่า ตลาดดูจะชะล่าใจกับเรื่องการขึ้นภาษีเกินไป การขึ้นภาษีสินค้าทุกประเภทจะเป็นเซอร์ไพรส์ในด้านลบ และแม้ว่าภาษีสูงจะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากกว่าประเทศอื่น แต่ในระยะสั้นดอลลาร์อาจยังแข็งค่า โดย S&P 500 ปิดบวก +0.67% ขณะที่ Dow Jones บวก +0.56% และ Nasdaq ปรับขึ้น +0.87% หลังมีข่าวว่า Elon Musk อาจลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาล

ตลาดฟิวเจอร์สร่วงหนัก!!

ตลาดร่วง! หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาษีใหม่ รวมถึงมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีด้วย เช่น การบิดเบือนค่าเงิน และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยทรัมป์ยังประกาศกร้าวว่า นี่คือ "การประกาศอิสรภาพทางเศรษฐกิจ" และวันที่ 2 เมษายน 2025 จะเป็น "หนึ่งในวันที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน"

แล้วมาตราการภาษีใหม่ มีอะไรบ้าง?

1. ภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้าทุกชนิด ซึ่งแปลว่าสินค้าอะไรก็ตามที่นำเข้ามาที่สหรัฐฯจะโดนเก็บภาษีก่อนอย่างน้อย 10% โดยจะเริ่มใช้วันที่ 5 เมษายน 2025

  1. ภาษีแบบตอบโต้ สำหรับประเทศที่สหรัฐฯมีการขาดดุลการค้าด้วย โดยอัตราภาษีแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป คิดเป็น "ประมาณครึ่งหนึ่ง" หรือ 50% ของอัตราภาษีที่ประเทศเหล่านั้นเก็บกับสินค้าอเมริกัน โดยจะเริ่มใช้วันที่ 9 เมษายน 2025

    ซึ่งภาษีตอบโต้นี่จะถูกเก็บเพิ่มเติมจากภาษีเดิมที่กำหนดไว้อยู่แล้ว เช่น จีนที่โดนภาษีตอบโต้ 34% (บวกกับภาษี 20% ที่มีอยู่เดิม รวมเป็นภาษี 54%)

  2. ภาษีรถยนต์นำเข้า 25% เพิ่มเติม 

อัตราภาษีแต่ละประเทศ โดนเท่าไหร่กันบ้าง?

แต่ละประเทศจะโดนเก็บภาษีต่างกันไป สรุปมาให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้:

กลุ่มภาษีสูงมาก (40% ขึ้นไป)

  • กัมพูชา: 49% - โดนหนักที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก

  • เวียดนาม: 46% - ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรองเท้าและเสื้อผ้าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ

  • ศรีลังกา: 44% - เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากวิกฤตอาจโดนซ้ำเติม

กลุ่มภาษีสูง (30-39%)

  • ไทย: 36% - ประเทศไทยก็ไม่รอด โดนค่อนข้างหนัก ส่งผลต่อสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ

  • จีน: 34% - คู่แข่งทางการค้าหลักของสหรัฐฯ โดนเล็งเป้าชัดเจน

  • ไต้หวัน: 32% - ผู้ผลิตชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ เตรียมรับศึกหนักเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้น

  • อินโดนีเซีย: 32% - เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียนโดนกระทบหนัก

  • สวิตเซอร์แลนด์: 31% - แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้วก็ไม่รอด

  • แอฟริกาใต้: 30% - เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในแอฟริกา

กลุ่มภาษีปานกลาง (20-29%)

  • ปากีสถาน: 29% - ต้นทุนสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นสูง

  • อินเดีย: 26% - ตลาดใหญ่ที่กำลังเติบโตแต่ก็โดนจับตา

  • เกาหลีใต้: 25% - ส่งผลต่อผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Samsung และ LG

  • ญี่ปุ่น: 24% - พันธมิตรสำคัญแต่ก็ไม่รอดจากมาตรการนี้

  • มาเลเซีย: 24% - ภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับผลกระทบแน่นอน

  • สหภาพยุโรป: 20% - คู่ค้าใหญ่แต่.. โดนน้อยกว่าภูมิภาคเอเชีย

  • จอร์แดน: 20% - ประเทศตะวันออกกลางที่เป็นพันธมิตรกันก็โดนด้วย

กลุ่มภาษีต่ำ (10-19%)

  • นิการากัว: 18% - ประเทศในละตินอเมริกาโดนเบากว่าประเทศในเอเชีย

  • อิสราเอล: 17% - พันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ แต่ก็ยังโดน!

  • ฟิลิปปินส์: 17% - อีกหนึ่งประเทศอาเซียนที่โดนเบากว่าหลายประเทศ

  • นอร์เวย์: 15% - ประเทศยุโรปโดนเบากว่าเอเชีย

  • สหราชอาณาจักร: 10% - ได้รับผลกระทบน้อยกว่ามาก!

  • ประเทศอื่นๆ ที่โดน 10%: บราซิล, สิงคโปร์, ชิลี, ออสเตรเลีย, ตุรกี, โคลอมเบีย, เปรู, คอสตาริกา, สาธารณรัฐโดมินิกัน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, นิวซีแลนด์, อาร์เจนตินา, เอกวาดอร์, กัวเตมาลา

ส่วนแคนาดาและเม็กซิโกได้รับการยกเว้น! จากทั้งภาษีพื้นฐาน 10% และภาษีแบบตอบโต้ เพราะทั้งสองประเทศอยู่ภายใต้ภาษีนำเข้า 25% ที่มีอยู่แล้ว

มาตราการนี้สร้างความตกใจกลัวให้กับตลาดอย่างมาก โดย Future ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งฮวบ:

  • Future S&P 500 ลดลง -2.7%

  • Future Nasdaq 100 ลดลดกว่า -3.3%

  • Future Dow Jones ลดลง -1.4%

  • Future Russell 2000 ร่วงแรงถึง -4.7%

ภาษีใหม่ส่งผลกระทบต่อหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent Seven)?

เหล่าหุ้น 7 นางฟ้า กำลังเผชิญกับความผันผวนครั้งใหญ่ โดยคาดว่าจะสูญเสียมูลค่าตลาดรวมกันสูงถึง $7 แสนล้าน

ราคาก่อนเปิดตลาด:

  • Apple: ลดลง -7.14%

  • Nvidia: ลดลง -5.68%

  • Amazon: ลดลง -6.13%

  • Tesla: ลดลง -8.01%

  • Meta: ลดลง -4.78%

  • Microsoft: ลดลง -3%

  • Google: ลดลง -3.48%

ทำไมตลาดถึงตกใจขนาดนี้?

เพราะภาษีนี้รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก และผลกระทบที่จะตามมา คือ:

  • ต้นทุนสินค้านำเข้าสูงขึ้น ซึ่งผู้นำเข้าอาจผลักภาระให้ผู้บริโภค ทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้น

  • การค้าโลกจะเกิดความวุ่นวาย

  • คาดว่าอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะสูงที่สุดในรอบ 100 ปี

นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่เคยสนับสนุนการค้าเสรีมาหลาย 10 ปี เพื่อนๆนักลงทุนเตรียมแผนรับมือกับความผันผวนในตลาดหุ้นได้เลย!