- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- ใครคือผู้เล่นหลัก?? ตลาดยาใหม่!! ‘รักษากล้ามเนื้อ’ มูลค่า $30,000 ล้าน?!
ใครคือผู้เล่นหลัก?? ตลาดยาใหม่!! ‘รักษากล้ามเนื้อ’ มูลค่า $30,000 ล้าน?!
ช่วงนี้กระแสยาลดน้ำหนักอย่าง Zepbound ของ Eli Lilly กับ Wegovy ของ Novo Nordisk มาแรงมาก แต่เพื่อนๆรู้ไหมว่า มีประเด็นที่หมอกับนักลงทุนกำลังจับตาอยู่ คือ คนที่ใช้ยากลุ่มนี้มักจะไม่ได้แค่ลดไขมัน แต่กล้ามเนื้อก็ลดลงไปด้วย ซึ่งอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอหรือเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ทีนี้เลยเกิดการแข่งขันกันพัฒนายาที่ช่วย “รักษากล้ามเนื้อ” ในขณะที่ลดน้ำหนักไปพร้อมกัน!
ล่าสุด TD Cowen ประเมินว่า ตลาดยารักษากล้ามเนื้อที่ใช้ร่วมกับยาลดน้ำหนักจะมีมูลค่าทะลุ $30,000 ล้านภายในปี 2035 ! ตอนนี้มีบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Eli Lilly, Novo Nordisk, Regeneron, Scholar Rock กำลังแข่งกันพัฒนายาใหม่ๆ อยู่ โดยยาส่วนใหญ่จะถูกทดสอบควบคู่กับ Zepbound หรือ Wegovy ที่เป็นยาลดน้ำหนักตัวท็อปในตลาด
ยาที่น่าจับตามากคือ bimagrumab ของ Lilly ซึ่งกำลังจะมีข้อมูลการทดลองระยะกลางออกมาเร็วๆนี้ ส่วน Regeneron กับ Scholar Rock ก็มีผลทดลองที่น่าสนใจ เช่น ยาของ Scholar Rock ที่พอใช้ร่วมกับ Zepbound แล้วช่วยให้คนไข้รักษากล้ามเนื้อไว้ได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.9 กิโลกรัม แถมยังลดไขมันได้มากกว่าการใช้ Zepbound เดี่ยวๆด้วย ขณะที่ Regeneron ก็โชว์ว่า ยาตัวเองช่วยรักษากล้ามเนื้อไว้ได้ถึง 51% เมื่อใช้ร่วมกับ Wegovy
กลไกของยากลุ่มนี้มักจะไปยับยั้งโปรตีนที่ชื่อ myostatin ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการสร้างกล้ามเนื้อ หรือไม่ก็ไปยับยั้ง activin ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียกล้ามเนื้อ โดยยาที่เน้น myostatin จะถูกใช้กับคนทั่วไปเพราะปลอดภัยกว่า ส่วนยาที่เน้น activin จะใช้กับกลุ่มที่เสี่ยงต่อการสูญเสียกล้ามเนื้อสูง เช่น ผู้สูงอายุ
TD Cowen มองว่า ตัวแรกในตลาดน่าจะออกได้เร็วสุดปี 2028 แต่ก็ยังมีอุปสรรคเรื่องการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล เพราะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ยากลุ่มนี้ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพจริงจัง ไม่ใช่แค่รักษากล้ามเนื้อเฉยๆ
ถ้ามองในเชิงโอกาสลงทุน ตลาดนี้ถือว่าใหญ่มากและยังใหม่มากๆ บริษัทไหนที่ออกตัวก่อนและพิสูจน์ได้ว่ายาปลอดภัยและได้ผลจริง จะได้เปรียบมหาศาล โดยเฉพาะบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่มีทุนและเครือข่ายพร้อมอยู่แล้ว แต่ก็ต้องจับตาคู่แข่งหน้าใหม่และเทคโนโลยีที่อาจเปลี่ยนเกมได้ตลอดเวลา ที่สำคัญคือ เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและการอนุมัติจาก FDA เพราะถ้าไม่ผ่านเมื่อไหร่ หุ้นอาจดิ่งลงได้ทันที สุดท้ายตลาดนี้เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้และชอบเทรนด์สุขภาพระยะยาว