- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธที่ 30 ก.ค. 2025: แดงทั้งกระดาน!! เมื่อความเสี่ยง 'ภูมิรัฐศาสตร์' กลับมาอีกครั้ง!! จับตา 2 ปัจจัยชี้ชะตาสัปดาห์นี้!!
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธที่ 30 ก.ค. 2025: แดงทั้งกระดาน!! เมื่อความเสี่ยง 'ภูมิรัฐศาสตร์' กลับมาอีกครั้ง!! จับตา 2 ปัจจัยชี้ชะตาสัปดาห์นี้!!

เมื่อวานนี้ S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ปิดตลาดต่ำกว่าระดับเดิมเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสัปดาห์ โดยลดลง -0.30% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปิดบวกต่อเนื่องถึง 6 วัน ขณะที่ Dow Jones ก็ลดลง -0.46% และ Nasdaq ลดลง -0.38% ท่ามกลางบรรยากาศที่ตลาดหุ้นเพิ่งทำสถิติสูงสุดหลายรอบในช่วงที่ผ่านมา
จุดเปลี่ยนหลักๆ มาจากข่าวเรื่องการเจรจาภาษีกับจีนที่ยังไม่ตกลงกัน และข่าวที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาบอกว่า จะให้เวลารัสเซียอีกแค่ 10 วันในการหยุดยิงยูเครน หากรัสเซียยังไม่ยอม สหรัฐฯ ก็จะใช้มาตรการกดดันเพิ่มเติม ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นทันทีเกือบ 4% โดย WTI ขึ้นไปแตะ $69.21 ต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
ฝั่งหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างกลุ่ม Magnificent Seven ได้แก่ Microsoft, Meta Platforms, Apple, Amazon, Nvidia, Google และ Tesla ก็เริ่มอ่อนแรงลง หลังจากขับเคลื่อนตลาดให้ขึ้นมาเมื่อต้นสัปดาห์ โดย 4 บริษัท ได้แก่ Microsoft, Meta, Apple และ Amazon กำลังจะรายงานผลประกอบการในวันนี้และพรุ่งนี้หลังตลาดปิด นักลงทุนเลยอยู่ในโหมดระวังตัว ไม่กล้าซื้อขายมากนัก
ขณะเดียวกัน Fed ก็เริ่มการประชุม FOMC ประจำเดือนกรกฎาคม แม้ประธานาธิบดีจะกดดันให้ลดอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดส่วนใหญ่ยังคาดว่า Fed จะยังคงดอกเบี้ยไว้เหมือนเดิม และน่าจะรอลุ้นว่าทาง Fed จะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนหรือไม่ ซึ่งถ้า Fed ส่งสัญญาณเชิงบวก ตลาดก็อาจจะกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ตราบเท่าที่ประเด็นภาษีกับจีนไม่ย้อนกลับไปใช้มาตรการเข้มข้นเหมือนช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ในภาพรวม ช่วงนี้ตลาดหุ้นพักฐานหลังจากขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทใหญ่และการประชุม Fed เป็นหลัก ส่วนข่าวสารด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายภาษียังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดผันผวน
สิ่งสำคัญในตอนนี้คือ เพื่อนๆนักลงทุนต้องติดตามการประชุม Fed และผลประกอบการกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เพราะจะชี้ทิศทางตลาดระยะใกล้ ขณะที่ความไม่แน่นอนเรื่องภาษีและภูมิรัฐศาสตร์เป็นความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ถ้ายังไม่มีแรงกดดันใหม่ๆ ตลาดก็มีโอกาสฟื้นตัวหากได้รับข่าวดีเรื่องดอกเบี้ยหรือผลประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่