• ลงทุนหุ้นอเมริกา
  • Posts
  • สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสฯที่ 31 ก.ค. 2025: เคราะห์ซ้ํากรรมซัด! Fed ไม่ลดดอกเบี้ย!! ทรัมป์ขึ้นภาษี!! ภาษีทองแดง 50%!!

สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสฯที่ 31 ก.ค. 2025: เคราะห์ซ้ํากรรมซัด! Fed ไม่ลดดอกเบี้ย!! ทรัมป์ขึ้นภาษี!! ภาษีทองแดง 50%!!

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในช่วง 4.25%-4.5% ตามคาด ส่งผลให้ Dow Jones ลดลง -0.38% ในขณะที่ S&P 500 ลดลง -0.12% และ Nasdaq ปรับขึ้นเล็กน้อย +0.15% นักลงทุนจำนวนมากเฝ้ารอท่าทีของ Fed ว่าจะมีสัญญาณลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนหรือไม่ แต่ Jerome Powell ประธาน Fed ยืนยันว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจ เพราะข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่างอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานจะมีประกาศออกมาอีกหลายรอบก่อนถึงเวลานั้น ทำให้โอกาสลดดอกเบี้ยกันยายนลดลงจากเกือบ 60% เหลือประมาณ 46%

Powell เน้นว่ามาตรการทางการเงินยัง “เหมาะสม” เพราะเศรษฐกิจไม่ได้แสดงสัญญาณอ่อนแอที่ต้องใช้ดอกเบี้ยต่ำกระตุ้น ผลจากการตึงตัวของตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่ยังเกินเป้าหมาย 2% ของ Fed ทำให้หน่วยงานยังเลือกนโยบายแบบระมัดระวัง ไม่รีบผ่อนคลายเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ Powell ชี้ว่าผลกระทบจากนโยบายภาษีของรัฐบาลทรัมป์ต่ออัตราเงินเฟ้อ อาจส่งผลเพียงชั่วคราว และต้องรอดูข้อมูลระยะถัดไป

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นนโยบายกีดกันทางการค้าสำคัญ เมื่อทรัมป์ได้สั่งยกเลิกสิทธิ์ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีมูลค่าน้อย ทำให้สินค้านำเข้าทุกประเภททั่วโลกต้องเสียภาษีตามปกติ พร้อมประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทองแดงกึ่งสำเร็จรูป 50% มีผล 1 ส.ค. นี้ ภาษีดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมวัตถุดิบและเศษโลหะ เพื่อเน้นให้โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศเข้าถึงวัตถุดิบในราคาที่แข่งขันได้ จุดประสงค์หลักคือสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมทองแดงของสหรัฐ และลดการพึ่งพาผู้นำเข้า นักวิเคราะห์ประเมินว่าภาษีนี้จะสร้างแรงกระแทกต่อต้นทุนการผลิตในประเทศ เพราะราคาสินค้าทองแดงอาจเพิ่มขึ้น 30-40% ในบางกลุ่ม และทำให้ตลาดทองแดงโลกผันผวนมากขึ้นในไตรมาสต่อไป

ตลาดหุ้นเองยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลนโยบายการเงิน เมื่อ Powell ไม่ให้คำมั่นว่าดอกเบี้ยจะลด กดดันราคาหุ้นโดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกและเหมืองทองแดง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนยังรอผลประกอบการจากยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีที่อาจชี้ทิศทางตลาดในระยะสั้น รวมถึงข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางการตัดสินใจของ Fed สำหรับประชุมเดือนกันยายน สรุปคือ ทางข้างหน้าของตลาด ยังขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจรอบใหม่และทิศทางนโยบายการเงินในอีก 1-2 เดือนต่อจากนี้