สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัสฯที่ 6 พ.ย. 2025: ตลาดผวา!! Nasdaq ดิ่งหนัก.. เทขาย "หุ้นเทคฯ-Crypto" หนีซบพันธบัตร! หวั่นเศรษฐกิจพัง-คนตกงาน?

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแรงอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดย Nasdaq ร่วงถึง -1.9% จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานที่อ่อนแอและแรงขายในหุ้นเทคโนโลยีและกลุ่มอุปโภคบริโภคที่มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนหลายคนเลือกจะขายหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวรุนแรงอย่างคริปโตหรือ AI power companies แล้วหันไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลแทน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Treasury yield) ทุกช่วงลดลงพร้อมกัน เช่น พันธบัตรอายุ 2 ปี เหลือ 3.56% และ 10 ปี ลดลงเหลือ 4.09%

สถานการณ์นี้ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาล (government shutdown) นักลงทุนจึงต้องพึ่งพาข้อมูลเศรษฐกิจจากแหล่งเอกชน โดยล่าสุด บริษัท Revlio Labs ประเมินว่าสหรัฐฯ สูญเสียงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm jobs) ไป 9,100 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ขณะเดียวกัน บริษัท Challenger, Gray & Christmas รายงานว่ามีการปลดพนักงานรวมกว่า 153,074 ตำแหน่งในเดือนเดียว เพิ่มขึ้นถึง 183% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานเริ่มน้อยลงและหางานยากขึ้นกว่าเดิม

หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง AMD, Oracle รวมถึงหุ้นซอฟต์แวร์ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน รวมถึงหุ้นในกลุ่มค้าปลีกยอดนิยมหรือหุ้นความหวังอย่าง Palantir, Amazon, Meta, Nvidia ต่างร่วงลง ส่วนหุ้นขนาดเล็กและหุ้นที่มีความผันผวนสูงอย่าง Russell2000 และ Bitcoin ก็มีแนวโน้มอ่อนตัวเช่นกัน

แม้ตลาดจะผันผวนและความกลัวการปรับฐานในหุ้น AI จะปรากฏ แต่อย่างที่นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ชี้ให้เห็นว่า ความกังวลเรื่อง “AI implosion” นั้นเกินจริง เพราะพื้นฐานระยะยาวของกลุ่มนี้ยังมั่นคง มีเงินทุนสนับสนุนที่แข็งแกร่ง รายได้ดี และประสบการณ์ผ่านมาหลากหลายรอบเทคโนโลยี ตั้งแต่ยุคอินเทอร์เน็ตจนถึงคลาวด์และ AI ปัจจุบัน ส่วนการปรับฐานของตลาดก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ แม้จะเป็นช่วงขาขึ้น โดยนักวิเคราะห์มองว่าหุ้น AI ชั้นนำยังคงเป็นจุดโฟกัสหลักสำหรับนักลงทุนในระยะยาว

ในภาพรวม ช่วงนี้ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและแรงงาน ทำให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นและเลือกปรับพอร์ตสู่สินทรัพย์ปลอดภัยชั่วคราว ทั้งนี้ ในระยะยาวตลาดยังมองว่ากลุ่ม AI และเทคโนโลยีที่มีฐานธุรกิจแข็งแกร่งน่าจะกลับมาเติบโตได้เมื่อแรงกดดันระยะสั้นคลี่คลาย สะท้อนให้เห็นว่า "พื้นฐานสำคัญ" ยังคือศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัท ไม่ใช่แค่ราคาหุ้นที่เหวี่ยงแรงเท่านั้น