สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธที่ 6 ส.ค. 2025: สัญญาณ “Stagflation”?? เศรษฐกิจนิ่ง แต่เงินเฟ้อพุ่ง! น่ากลัวกว่าที่คิด??

เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พักตัวลง หลังจากมีรายงานสำรวจภาคบริการ (บริการคือกลุ่มธุรกิจเช่น ร้านอาหาร โรงแรม ขนส่ง) ส่งสัญญาณเศรษฐกิจอาจติดกับ “stagflation” (สถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ราคาสินค้ากลับแพงขึ้นพร้อมกัน) โดย Dow Jones ลดลง -0.14% ส่วน S&P 500 ปรับตัวลง -0.49% และ NASDAQ ลดลง -0.65% ภาพรวมตลอดทั้งวัน ตลาดหุ้นนิ่งๆ แทบไม่ไปไหน มีแค่บางกลุ่ม เช่น อสังหาริมทรัพย์และวัตถุดิบที่บวกได้

นักลงทุนยังคงกังวลเรื่องมาตรการภาษีนำเข้า (tariffs) ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันอีกด้าน ส่วนผลสำรวจของ Institute for Supply Management (ISM) ชี้ว่า ดัชนีบริการเดือนกรกฎาคมลดลงเหลือ 50.1 (ค่ามากกว่า 50 แปลว่าเศรษฐกิจยังขยายตัว แต่น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด) ที่น่ากังวลคือด้านการจ้างงานยังติดลบ ขณะที่ราคาสินค้าก็ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

นักวิเคราะห์หลายคนจึงเริ่มกังวลถึงความเสี่ยง “stagflation” คือการที่เศรษฐกิจโตช้า แต่เงินเฟ้อ (ราคาสินค้าแพงขึ้น) ตลาดหุ้นในภาพรวมจึงแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สถานการณ์ตอนนี้ “นิ่งจนน่ากลัว” ซึ่งหมายถึงตลาดไม่มีทิศทางและไม่หวือหวา แต่ก็เต็มไปด้วยความอึดอัดและความเสี่ยง

แต่ในประเด็นด้านภาษีนำเข้าและเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์มองว่าผลกระทบอาจยังไม่ถาวร ขณะเดียวกันข้อมูลเงินเฟ้อรายได้แรงงานจริง ยังสนับสนุนว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเติบโตอยู่ราว 2% และการลงทุนด้าน AI ยังแข็งแกร่งมาก

ฝั่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเพื่อหนุนเศรษฐกิจและหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย แต่นักวิเคราะห์ไม่ได้คาดหวังว่า Fed จะลดดอกเบี้ยแรงๆ เพื่อเร่งการเติบโตมากนัก แค่ความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยก็เพียงพอที่จะพยุงตลาดไม่ให้ตกหนัก

เหตุการณ์สำคัญรอบนี้คือ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ “นิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน” เพราะปัจจัยลบทั้งเรื่องภาษีนำเข้าและเงินเฟ้อกำลังทำให้เศรษฐกิจดูเปราะบาง ขณะที่ข้อมูลการใช้จ่ายและ AI ยังช่วยประคองบรรยากาศไว้ ปัจจัยสำคัญที่สุดต่อไป คือทิศทางดอกเบี้ยและความชัดเจนเรื่องสงครามการค้า เพราะสิ่งเหล่านี้จะตัดสินว่าตลาดจะหยุดนิ่งต่อ หรือเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง