Adobe คาด 'Amazon Prime Day' ดูดเงินสะพัด $2.38 หมื่นล้าน โตสนั่น +28%!

Amazon Prime Day ปีนี้บอกเลยว่าน่าจับตามองมาก เพราะ Adobe Analytics คาดการณ์ว่ายอดขายออนไลน์ในสหรัฐฯ ช่วง 4 วันของงานจะพุ่งไปถึง $2.38 หมื่นล้าน! เทียบกับปีที่แล้วที่จัดแค่ 2 วัน ได้ยอด $1.42 หมื่นล้าน โดยปีนี้จัดเพิ่มเวลาเป็น 96 ชั่วโมงเต็มๆ คือ 8-11 กรกฎาคม และยอดขายคาดว่าจะโตขึ้นถึง +28.4% เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงโตแรงขนาดนี้ ก็เพราะ Amazon ขยายเวลาจัดโปรยาวขึ้น แถมคู่แข่งอย่าง Walmart กับ Target ก็ขนโปรเด็ดๆ มาสู้ด้วย ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกเยอะขึ้นและรีบช้อปของจำเป็น โดยเฉพาะ “ของที่ต้องใช้สำหรับเปิดเทอม” เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋าเป้ หูฟัง คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ส่วนลดก็จัดหนัก เสื้อผ้าลดเฉลี่ย 24% (เพิ่มจากปีที่แล้วที่ลด 20%) อิเล็กทรอนิกส์ลด 22% (ลดลงนิดหน่อยจาก 23% ปีที่แล้ว)

ที่น่าสนใจคือผู้บริโภคยุคนี้ใช้ AI เพื่อช่วยหาโปรดีๆ และวางแผนช้อปได้คุ้มสุดๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องการประหยัดงบในยุคเศรษฐกิจผันผวนจากประเด็นสงครามการค้าและภาษีของสหรัฐฯที่ยังไม่แน่นอน คนเลยรีบซื้อของไว้ก่อน เพราะกลัวราคาจะขึ้น

อีกเทรนด์ที่มาแรงคือการใช้ Buy Now Pay Later (BNPL) หรือซื้อก่อนผ่อนทีหลัง ซึ่งปีนี้ Adobe คาดว่าจะมีสัดส่วน 8% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 7.6% ปีที่แล้ว แปลว่าคนเริ่มกล้าซื้อของชิ้นใหญ่หรือของแพงขึ้น เพราะมีทางเลือกผ่อนจ่าย ไม่ต้องจ่ายทีเดียวหมด

ในแง่ของตลาดหุ้น Amazon (AMZN), Adobe (ADBE), Walmart (WMT), Target (TGT) ต่างก็ได้รับอานิสงส์จากบรรยากาศการช้อปปิ้งออนไลน์คึกคักนี้ หุ้น Amazon ขึ้น 1.59% ขณะที่ Target กับ Adobe ก็ปรับขึ้นเล็กน้อย ส่วน Walmart ติดลบเล็กน้อย

Prime Day ปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของอีคอมเมิร์ซและการตลาดแบบจัดโปรยาวๆ ที่สามารถสร้างความต้องการใหม่ๆ ได้ แม้เศรษฐกิจจะมีความไม่แน่นอน แต่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่าและใช้เทคโนโลยีช่วยตัดสินใจ ทำให้ยอดขายยังไปต่อได้ดี สำหรับเพื่อนๆนักลงทุน หุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการช้อปออนไลน์ยังน่าสนใจในระยะกลางถึงยาว แต่ต้องจับตาดูการแข่งขันและต้นทุนการทำโปรโมชันที่อาจกดดันอัตรากำไรของผู้ประกอบการด้วย