จักรวาล Apple!! 'ย้ายฐานผลิต' เปิดตัว 'ฟีเจอร์ AI' ใหม่ในงาน WWDC 2025!!

สัปดาห์นี้วงการเทคโนโลยีจับตา Apple กันแบบห้ามกระพริบตา เพราะมีข่าวใหญ่หลายเรื่องที่สะเทือนทั้งตลาดหุ้นและโลกนวัตกรรม เริ่มจากประเด็นร้อนเรื่องซัพพลายเชน—Apple ปรับแผนส่งออก iPhone แบบพลิกเกม! ช่วงมีนาคมถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา Foxconn ส่งออก iPhone ที่ผลิตในอินเดียไปยังสหรัฐฯ ถึง 97% ของยอดส่งออกทั้งหมด จากที่แต่ก่อนกระจายไปหลายประเทศ กลายเป็นว่าตอนนี้แทบจะส่งไปอเมริกาประเทศเดียวเต็มๆ เหตุผลหลักก็เพราะต้องรับมือกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และหลบเลี่ยงภาษีขาเข้าที่โดนกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังทรัมป์ประกาศแผนขึ้นภาษีสินค้าจีนสูงสุด 55% ถ้าแผนผ่านจริง Apple ก็ต้องรีบหาทางออกเพื่อรักษากำไรและความต่อเนื่องของธุรกิจ

ในแง่กลยุทธ์ ถือว่า Apple เดินเกม “China Plus One” อย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งเพิ่มกำลังผลิตในอินเดียและเวียดนาม และลงทุนในโรงงานใหม่ในสหรัฐฯ ถึง $5 แสนล้าน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์โลก นักวิเคราะห์คาดว่า iPhone ที่ผลิตในอินเดียปีนี้จะคิดเป็น 25-30% ของยอดขายทั่วโลกเลยทีเดียว

อีกประเด็นที่ถูกจับตามองคือ WWDC 2025 งานนี้ Apple เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ยกเซ็ตทั้ง iOS 26, macOS Tahoe 26, iPadOS 26, watchOS 26 และ visionOS 26 จุดเด่นคือดีไซน์ใหม่ “Liquid Glass” ที่เปลี่ยนหน้าตา UI ให้โปร่งใส ดูลื่นไหลเหมือนกระจก มีลูกเล่นแสงเงาและการตอบสนองแบบเรียลไทม์ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานดูหรูหราและทันสมัยขึ้นมาก

แต่ไฮไลต์จริงๆ คือ “Apple Intelligence” หรือ AI เวอร์ชันของ Apple ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ประมวลผลบนอุปกรณ์โดยตรง ฟีเจอร์เด็ดๆ ที่เปิดตัว ได้แก่ Live Translation แปลภาษาแบบสดใน Messages, FaceTime และ Phone, Visual Intelligence วิเคราะห์ภาพและข้อมูลบนหน้าจอ, Genmoji และ Image Playground สร้างอิโมจิและภาพด้วย AI, Workout Buddy แนะนำออกกำลังกายด้วยข้อมูลสถิติส่วนตัว และ Shortcuts ที่ฉลาดขึ้นมาก

ถึงอย่างนั้น Apple ก็ยังโดนวิจารณ์ว่าตามหลังคู่แข่งในสนาม AI โดยเฉพาะเรื่อง Siri ที่อัปเกรดใหม่ยังไม่พร้อมใช้งานจริง และ AI Model ของ Apple ก็ยังไม่แรงเท่า OpenAI, Google หรือ Meta นักวิเคราะห์บางคนถึงกับบอกว่า Apple “เอาหัวฝังทราย” ไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงของวงการ AI แบบเต็มตัว แต่ผู้บริหาร Apple ก็ยืนยันว่าขอเน้น “ความน่าเชื่อถือ” มากกว่ารีบปล่อยฟีเจอร์แล้วมีปัญหาในภายหลัง

Apple กำลังเดินหมากสำคัญเพื่อปกป้องกำไรและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว แม้จะถูกกดดันจากคู่แข่งในเรื่อง AI แต่การลงทุนในซัพพลายเชนใหม่และยึดหลักความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้คือจุดแข็งที่แตกต่าง ถ้า Apple เร่งสปีดนวัตกรรม AI ได้ทันใจตลาดเมื่อไหร่ หุ้น Apple มีโอกาสกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่แน่นอน แต่ระยะสั้นต้องจับตาความเสี่ยงเรื่องต้นทุนและการแข่งขันในตลาด AI อย่างใกล้ชิด