วิกฤต หรือ โอกาส? ลือ 'Apple' ทุ่มซื้อ 'Perplexity AI' แก้เกมสู้ศึก AI?!

ช่วงนี้ Apple มีข่าวใหญ่สองเรื่องที่นักลงทุนต้องจับตาคือ ข่าวลือว่า Apple กำลังสนใจจะซื้อกิจการ Perplexity AI สตาร์ทอัพ AI ที่มาแรงสุดๆ กับอีกเรื่องคือ โดนผู้ถือหุ้นฟ้องร้องว่าหลอกลวงเกี่ยวกับความคืบหน้า AI ใน Siri

เริ่มจากข่าว Perplexity มีรายงานจาก Bloomberg ว่าฝ่าย M&A ของ Apple นำโดย คุณ Adrian Perica ได้คุยกับผู้บริหารระดับสูงอย่าง คุณ Eddy Cue ถึงความเป็นไปได้ที่จะเทกโอเวอร์ Perplexity AI ซึ่งตอนนี้มูลค่าบริษัทพุ่งไปถึง $14,000 ล้าน ถ้าดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของ Apple (ใหญ่กว่า Beats ที่ซื้อไป $3,000 ล้านตั้งแต่ปี 2014 เยอะมาก) แต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนพูดคุยภายใน ยังไม่มีการยื่นข้อเสนอหรือคุยกับ Perplexity จริงจัง Perplexity เองก็ออกมาบอกว่า “ไม่รู้เรื่อง” ว่ามีดีลนี้อยู่ในระหว่างเจรจา

เหตุผลที่ Apple สนใจ Perplexity ก็เพราะว่าตอนนี้ Apple ยังไม่มี generative AI เด็ดๆ ที่จะไปแข่งกับ OpenAI, Google หรือ Anthropic เลย การซื้อ Perplexity จะทำให้ Apple ได้ search engine AI ที่พร้อมใช้งานทันที อีกอย่างคือ Apple กำลังเสี่ยงจะเสียดีล search กับ Google ที่ทำเงินให้ปีละ $20,000 ล้าน เพราะโดน DOJ สหรัฐฯ ฟ้องเรื่องผูกขาด ถ้าได้ Perplexity มาก็จะมีทางเลือกใหม่ ไม่ต้องพึ่ง Google มากเกินไป แต่ก็มีข่าวว่า Samsung กำลังจะปิดดีลกับ Perplexity ด้วยเหมือนกัน ถ้า Samsung ได้ไปก่อน Apple อาจต้องเร่งตัดสินใจ

ส่วนอีกข่าวใหญ่คือ Apple โดนผู้ถือหุ้นยื่นฟ้องศาลที่ซานฟรานซิสโก กล่าวหาว่าบริษัทหลอกลวงเรื่องความคืบหน้า AI ใน Siri โดยเฉพาะฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ประกาศในงาน WWDC 2024 ว่าจะทำให้ Siri ฉลาดขึ้นมากและจะเป็นจุดขายของ iPhone 16 แต่สุดท้ายฟีเจอร์เหล่านี้ก็ยังไม่เสร็จ แถม Apple ยังเลื่อนเปิดตัว Siri เวอร์ชันใหม่ไปปี 2026 อีก ผู้ถือหุ้นเลยบอกว่าที่ Apple พูดไว้ทำให้คาดหวังเกินจริง ส่งผลให้ตัดสินใจลงทุนผิดพลาด สุดท้ายหุ้น Apple ก็ร่วงลงมาเกือบ 25% จากจุดสูงสุดในปลายปี 2024 มูลค่าตลาดหายไปประมาณ $900,000 ล้าน ซึ่งผู้ถือหุ้นมองว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผิดหวังใน AI ของ Apple

Apple กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ ถ้าจับ AI ได้ถูกจุด มีดีล Perplexity หรือหา AI partner เจ๋งๆ ได้ทันเวลา ก็อาจจะกลับมาเป็นผู้นำเทคโนโลยีอีกครั้ง แต่ถ้ายังช้าอยู่แบบนี้ เสี่ยงจะเสียโอกาสให้คู่แข่งทั้งฝั่งอเมริกาและเอเชีย ต้องจับตาดูว่าผู้บริหารจะแก้เกมยังไง เพราะตลาด AI นั้นเร็วและแรงมาก ใครช้าคือโดนทิ้งห่างแน่นอน