- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- ภารกิจลับ 'B-2' ถล่มอิหร่าน!! ดัน Northrop (NOC) พุ่งกว่า +5% ข้ามคืน?!
ภารกิจลับ 'B-2' ถล่มอิหร่าน!! ดัน Northrop (NOC) พุ่งกว่า +5% ข้ามคืน?!
เมื่อคืนนี้หุ้น Northrop Grumman (NOC) พุ่งขึ้นแรงกว่า +5% ในช่วงซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังจากที่ B-2 Spirit bombers ของสหรัฐฯ กลับถึงฐาน Whiteman ที่ Missouri อย่างปลอดภัย หลังเสร็จภารกิจบินนาน 36 ชั่วโมง โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ยาวนานที่สุดของ B-2 ตั้งแต่ปี 2001 และเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ระเบิด Massive Ordnance Penetrator (MOP) ในปฏิบัติการจริง
งานนี้มีการวางแผนซับซ้อนมาก เริ่มจากการใช้ B-2 บางลำบินไปทางตะวันตกเหมือนจะไป Guam เพื่อหลอกสายตา ส่วนกลุ่มหลักบินเงียบๆ ไปทางตะวันออก ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เติมน้ำมันกลางอากาศหลายครั้ง ก่อนจะเข้าโจมตีเป้าหมายในอิหร่านแบบไม่ให้ใครจับสัญญาณได้ เป้าหมายหลักคือ Fordow ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่ฝังลึกใต้ภูเขา โดยใช้ระเบิด MOP หนัก 30,000 ปอนด์ที่สามารถเจาะคอนกรีตได้ลึกถึง 18 เมตร หรือดิน 61 เมตร
นอกจาก B-2 แล้ว ยังมีเครื่องบินรบ เครื่องบินเติมน้ำมัน และเรือดำน้ำที่ยิงขีปนาวุธ Tomahawk รวมแล้วกว่า 125 ลำ/ลำเรือเข้าร่วมในปฏิบัติการนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมา ประกาศชัยชนะทันทีหลังจบภารกิจว่าเป็น “ความสำเร็จทางทหารที่น่าทึ่ง” และขอบคุณนักบิน B-2 ที่กลับมาปลอดภัย
ผลกระทบต่อหุ้น NOC ชัดเจนมาก เพราะ Northrop Grumman เป็นผู้ผลิต B-2 โดยตรง หุ้นพุ่งขึ้นไปที่ $524 ในการซื้อขายข้ามคืนบน Robinhood จากเดิมราว $497 ในวันศุกร์ เพิ่มขึ้นกว่า 5% โดยแรงซื้อรอบนี้มาจากความมั่นใจในศักยภาพเทคโนโลยีและบทบาทของบริษัทในยุทธศาสตร์ความมั่นคงโลก หุ้นกลุ่มกลาโหมอื่นๆ ก็ได้อานิสงส์เช่นเดียวกันในช่วงที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางปะทุขึ้น
แต่ถ้ามองในเชิงพื้นฐาน หุ้น NOC แม้จะมีโมเมนตัมดีในระยะสั้น-กลาง-ยาว แต่ก็ยังโดนมองว่าราคาแพงเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน นักวิเคราะห์ให้เป้าหมายเฉลี่ย $538.59 และสูงสุด $625 จาก Morgan Stanley
การที่ NOC ขึ้นแรงหลังจากภารกิจนี้ ก็เพราะนักลงทุนมองว่าบริษัทนี้มีเทคโนโลยีล้ำหน้าและมีบทบาทสำคัญในด้านความมั่นคง เลยยอมจ่ายแพงกว่าปกติ แต่ต้องระวังความผันผวนจากเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม ถ้าเพื่อนๆจะลงทุนต้องติดตามทั้งสถานการณ์โลกและผลประกอบการจริงของบริษัทอย่างใกล้ชิด เพราะตลาดพร้อมจะปรับราคากลับได้ถ้าความตึงเครียดคลี่คลายหรือกำไรไม่โตตามคาด