- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- 【【 EXCLUSIVE 】】สําหรับผู้ถือหุ้น NVO | มีทั้ง"โอกาส"และ"ความเสี่ยง"
【【 EXCLUSIVE 】】สําหรับผู้ถือหุ้น NVO | มีทั้ง"โอกาส"และ"ความเสี่ยง"
สวัสดีครับเพื่อนๆผู้ถือหุ้น NVO ช่วงนี้ก็ปล่อยไหลกันไป เชื่อว่าจุดต่ำสุดอาจจะยังไม่มาก็ได้ เพราะ”ทรัมป์”ยังคงตั้งใจจะเอา Greenland อยู่ ช่วงนี้สำหรับผมก็อยู่ในสถานะ “HOLD” สำหรับหุ้นนี้ แต่วันนี้เรามาฟังอัพเดทฟื้นฐานล่าสุดของบริษัทนี้จากงาน Annual Meeting 2025 กันดีกว่าครับ ว่าสิ่งต่างๆยังคงมีความหวังอยู่หรือไม่?
หุ้น NVO ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร?
Novo Nordisk เป็น ผู้นำระดับโลก เรื่อง ยารักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กับโรคอ้วน เพื่อนๆ อาจจะเคยได้ยินชื่อยาดังๆอย่าง Ozempic หรือ Wegovy พวกนี้แหละครับคือผลิตภัณฑ์เด่นของเค้า
ความน่าสนใจมันอยู่ตรงที่ว่า คนป่วยเบาหวานกับโรคอ้วนมีเยอะมากๆ และเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ความต้องการยาสูงปรี๊ดเลย บริษัทเองก็เก่งเรื่องคิดค้นยาใหม่ๆ และกำลัง ทุ่มเงินมหาศาลขยายโรงงานผลิต เพื่อให้ยามีพอขาย นี่คือจุดแข็งที่ทำให้หุ้นนี้น่าจับตามอง
ข้อดี ที่อยากอัพเดทผู้ถือหุ้น
เติบโตแข็งแกร่งมาก: บริษัท โตแรงมากๆ ในปีที่แล้ว ยอดขายกับกำไรจากการดำเนินงานโตถึง 26% (เมื่อคิดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่) หลักๆ มาจากยาฮิตกลุ่ม GLP-1 อย่าง Ozempic, Rybelsus, และ Wegovy ที่คนต้องการเยอะมากจริงๆ
ช่วยคนได้มากขึ้น: ยาของ Novo Nordisk ช่วยคนที่เป็นเบาหวานและโรคอ้วนได้ มากกว่า 45 ล้านคนทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเกือบ 4 ล้านคนเลย และยังมีโครงการช่วยให้คนเข้าถึงยาได้ง่ายขึ้นอีกกว่า 8 ล้านคน
ทุ่มสุดตัวขยายกำลังการผลิต: อันนี้สำคัญมาก! เพราะยาขาดตลาดบ่อย บริษัทเลย ลงทุนหนักมากๆเพื่อสร้างโรงงานเพิ่ม ทั้งซื้อโรงงาน 3 แห่งจาก Catalent และขยายโรงงานเดิมที่มีอยู่ทั่วโลก (เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, บราซิล, จีน, สหรัฐฯ) โดยปีนี้ก็ตั้งงบลงทุนไว้สูงถึงประมาณ 65,000 ล้านโครนเดนมาร์ก (ประมาณ 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อผลิตยาให้ได้มากขึ้นเยอะๆ และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลเต็มที่ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปครับ
ยาใหม่ๆจ่อคิวเพียบ (พอร์ตยาแข็งแกร่ง คาดหวังได้): บริษัทยังคงเน้นการวิจัยและพัฒนายาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง….
มี ยาฉีดอินซูลินสัปดาห์ละครั้งตัวแรกของโลก ได้รับอนุมัติในหลายประเทศแล้ว
Ozempic ได้ข้อมูลใหม่ว่าช่วยลดความเสี่ยงโรคไตได้ด้วย
กำลังพัฒนายารักษาโรคอ้วนตัวใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น CagriSema (ที่ผลทดลองเฟส 3 ลดน้ำหนักได้ถึง 22.7%) และ Amicretin (ทั้งแบบฉีดและแบบกิน) รวมถึง ยาเม็ดลดน้ำหนัก Semaglutide ที่กำลังรออนุมัติในสหรัฐฯ ซึ่งถ้าผ่านจะเป็นเจ้าแรกเลย!
กำลังทดลองใช้ยา Semaglutide กับ โรคอัลไซเมอร์ ด้วย (รอผลเฟส 3 ปลายปี 2025)
ขึ้นปันผลต่อเนื่อง: บริษัทจ่ายปันผลรวม 11 โครนเดนมาร์กต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนหน้า และเป็นการ เพิ่มปันผลต่อเนื่องเป็นปีที่ 29 แล้ว! นี่แสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน และใส่ใจผู้ถือหุ้น
ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม: แม้ธุรกิจจะโต แต่บริษัทก็พยายามลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้า Net Zero ปี 2045 และมีโครงการช่วยเหลือสังคมต่างๆ เช่น โครงการป้องกันโรคอ้วนในเด็ก ร่วมกับ UNICEF
เรื่องที่ต้องติดตาม & ความเสี่ยง
ราคาหุ้นผันผวนและลดลงตลอด: ราคาหุ้นปรับตัวลดลงและยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เนื่องด้วยปัจจัยภายนอกที่บริษัทควบคุมได้ยาก ซึ่งทางประธานบอร์ดก็รับทราบและเข้าใจความกังวลของนักลงทุนในเรื่องนี้
ผลิตยาไม่ทันความต้องการ: แม้จะลงทุนขยายกำลังการผลิตมหาศาลไปแล้ว แต่ความต้องการยาทั่วโลก ผู้บริหารยอมรับว่ามันสูงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ! ทำให้ยังคงมีปัญหา ยาขาดตลาดเป็นช่วงๆ ซึ่งกระทบต่อการเข้าถึงยาของผู้ป่วยและการเติบโตของยอดขาย
ปัญหาใหญ่เรื่องยาเลียนแบบในสหรัฐฯ (Compounding แบบหุ้น HIMS): อันนี้เป็นเรื่องน่ากังวลมาก โดยเฉพาะกับยา Wegovy ในอเมริกา มีร้านยาบางแห่ง (Compounding Pharmacies) ลักลอบนำสารตั้งต้นมาผสมยาเลียนแบบขายเอง ซึ่ง ผิดกฎหมายและอาจไม่ปลอดภัย (มีการตรวจพบสารปนเปื้อน) ปัญหานี้กระทบยอดขาย Wegovy ที่เป็นของแท้โดยตรง ผู้บริหารบอกว่ากำลังพยายามจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งทางกฎหมาย ให้ความรู้แพทย์/คนไข้ และร่วมมือกับ FDA แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการได้หมด มีการประเมินว่ายาเลียนแบบอาจกินส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 40% ซึ่งน่ากังวลมาก เพราะบางผู้ป่วยยอมรับราคามากกว่าคุณภาพ!?
ผลทดลองยาบางตัวอาจไม่ว้าวเท่าที่ตลาดคาดหวัง: แม้ผลทดลองยาใหม่ๆส่วนมากจะออกมาดี แต่บางตัว เช่น CagriSema ที่ลดน้ำหนักได้ 22.7% อาจจะยังไม่ถึงเป้าที่นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดหวังไว้ ที่ 25% ซึ่งอาจส่งผลต่อ Sentiment ของตลาดได้บ้าง แม้ผู้บริหารจะยังมั่นใจในศักยภาพยาว่าจะสำเร็จในภายหลังก็ตาม
กระแสเงินสดอิสระติดลบ และไม่มีการซื้อหุ้นคืนปี 2025: กระแสเงินสดอิสระติดลบในปีที่แล้ว เพราะใช้เงินก้อนใหญ่ทุ่มซื้อโรงงาน Catalent ไป ดังนั้นปีนี้เลย ยังไม่ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน เพราะต้องเก็บเงินไว้ลงทุนขยายโรงงานเป็นหลัก แต่ก็ขออนุมัติเผื่อไว้ เผื่อสถานการณ์เปลี่ยน
การแข่งขันที่สูงขึ้น: ยอมรับความสามารถของคู่แข่งสำคัญอย่าง Eli Lilly ที่มีผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันและกำลังทำการตลาดอย่างหนัก แต่ยังคิดว่าจะชนะได้
ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น: ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพิ่มขึ้น 48% และค่าใช้จ่ายในการขายและการจัดจำหน่าย (SG&A) ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการขยายธุรกิจและการลงทุนต่างๆ
CEO คุณ Lars Fruergaard Jørgensen ที่แสดงถึงมุมมองและแผนงานในอนาคต…
"สิ่งที่เราจะโฟกัสมากๆเลยในปีนี้ก็คือ การเดินหน้าทำงานตามแผน ทั้งเรื่องการขาย การขยายพอร์ตยา เราต้องสร้างตัวยาใหม่ๆของเราให้มีมากขึ้น และที่สำคัญสุดๆ คือการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตในทั้งยาตัวปัจจุบันที่เรามีอยู่และยาตัวใหม่ๆที่จะออกมาในอนาคต"
"ส่วนเรื่องการแข่งขัน โดยเฉพาะกับคู่แข่งอย่าง Eli Lilly คือ พวกเราก็แข่งกันมาเป็นร้อยปีแล้ว! ผมเชื่อว่าเราชนะกันที่ตัวผลิตภัณฑ์ วิธีการที่เราทำตลาด และการที่เราสร้างกำลังการผลิตได้มากกว่า ตอนนี้เรามีคนไข้ที่ใช้ยา GLP-1 ของเราเกือบ 2 ใน 3 ของโลกเลยนะ มันเป็นการแข่งขันระยะยาวครับ และผมมั่นใจมากๆ ว่าเรามีพอร์ตยาที่ดีที่สุด ที่มีอนาคตไกล ผมมั่นใจในยา CagriSema มาก และก็มั่นใจใน Amicretin ด้วย ซึ่งเป็นโมเลกุลใหม่ที่มีสองกลไกในตัวเดียว แล้วเราก็กำลังจะมียาเม็ดลดน้ำหนักออกมาเป็นเจ้าแรกด้วย (รออนุมัติ) นี่คือโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่มากๆ สำหรับ Novo Nordisk"
★𝓐𝓓𝓜𝓘𝓝★ :
ผมมองว่า NVO ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาวครับ แต่ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติและความเสี่ยงของบริษัทที่กำลังเจออยู่ตอนนี้ด้วย ว่าบางสิ่งบางอย่างมันเกินความสามารถที่บริษัทจะควบคุมได้ครับ เลยน่าจะเหมาะสำหรับเพื่อนๆที่มองระยะยาว เชื่อมั่นในบริษัท เห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ และทนความผันผวนได้ เพราะผมคิดว่า….
อยู่ในตลาดที่จะเติบโตมหาศาล: โรคเบาหวานและโรคอ้วนเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก และความต้องการการรักษายังสูงมากจริงๆ นี่คือ Mega Trend ที่จะอยู่ไปอีกนาน
เป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง: Novo Nordisk เป็นระดับผู้นำสูงสุด มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีส่วนแบ่งการตลาดเยอะที่สุดในสายนี้ และมีความเชี่ยวชาญในโรคเหล่านี้มายาวนานมาก
พอร์ตยาจะแข็งแกร่งกว่านี้: บริษัทยังมีอาวุธใหม่ๆ รอออกมาอีกเพียบ ทั้งยาที่พัฒนาต่อยอดจากตัวเดิมและยาที่ใช้กลไกใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตในอนาคตและลดความเสี่ยงเรื่องสิทธิบัตรหมดอายุ
แก้ปัญหาคอขวดอย่างจริงจัง: การลงทุนขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ แสดงให้เห็นว่าบริษัทมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาเรื่อง Supply ให้ได้ ซึ่งถ้าทำสำเร็จ จะปลดล็อคการเติบโตได้อีกมากครับ
ความเสี่ยง….
ความท้าทายระยะสั้น: ปัญหาเรื่องผลิตไม่ทันขาย และโดยเฉพาะเรื่องยาเลียนแบบในสหรัฐฯ เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้เวลาจัดการ และอาจกดดันผลประกอบการและราคาหุ้นในระยะสั้นถึงกลางได้
ความคาดหวังสูง หุ้นผันผวน: ตลาดคาดหวังกับหุ้นนี้ไว้สูงมากๆ เราเห็นการเทขายอย่างกับบริษัทจะเจ๊งมาหลายรอบแล้ว! โดนในทุกๆครั้งที่พลาดผลการทดลอง ดังนั้น นี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพื่อนๆผู้ถือหุ้นต้องเข้าใจความเสี่ยงการโดนเทตรงนี้ครับ ราคาหุ้นผันผวนได้ง่ายมาก
ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ: การขยายโรงงานต้องใช้เงินเยอะมาก ทำให้กระแสเงินสดอาจจะยังไม่สวยงามเท่าไหร่ในช่วง 1-2 ปีนี้ และอาจไม่มีการซื้อหุ้นคืนมาช่วยพยุงราคาหุ้น
📌แนวรับ: TF : Week เราเป็นขาลงชัดเจน และลงมาพอสมควร ถ้าทุกอย่างคลี่คลาย น่าจะมี Upside กำไรที่สูงมากๆ แต่ช่วงระยะสั้น-กลาง ก็ยังคงมีโอกาสลงต่อได้ จึงมองไปที่แนวรับ ช่วง $50-$55 และเลวร้ายที่สุดคือลึกๆเลยที่ $35