【【 EXCLUSIVE 】】สําหรับผู้ถือหุ้น WM | สุดยอดหุ้นแท้งค์!

สวัสดีครับเพื่อนๆ ผู้ถือหุ้น WM ทุกท่าน วันนี้พามางานนักลงทุนล่าสุดของ WM นะครับ เป็นการพูดคุยกับคุณ Ed Eggel ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ (Head of Investor Relations) ของ WM ตัวแทนผู้บริหารที่มาให้ข้อมูลเชิงลึก งานแบบนี้สำคัญมากสำหรับผู้ถือหุ้นอย่างพวกเรา เพราะทำให้เราได้รู้ว่าตอนนี้บริษัทเป็นยังไงบ้าง ผลประกอบการโอเคหรือไม่ กลยุทธ์คืออะไร ความเสี่ยงมีอะไรบ้าง และผู้บริหารมองอนาคตไว้อย่างไร ช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลครับ

แต่ก่อนอื่นขอพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ WM กันก่อนนะครับ…

  • WM ทำธุรกิจอะไร?

    พูดง่ายๆ เลย WM หรือ Waste Management เนี่ย เป็นบริษัทจัดการขยะและให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือครับ ธุรกิจหลักๆ ก็คือ เก็บขยะ ทั้งจากบ้านเรือน (Residential), ร้านค้า บริษัท (Commercial), และโรงงาน (Industrial) แล้วก็เอาไปจัดการในหลุมฝังกลบ หรือสถานีขนถ่ายขยะของตัวเอง ซึ่งเขามีเครือข่ายหลุมฝังกลบใหญ่ที่สุดเลย นอกจากนี้ยังเป็นเบอร์หนึ่งด้านรีไซเคิลขยะจากบ้านเรือนด้วย! ล่าสุดเพิ่งซื้อกิจการ Stericycle ซึ่งเป็นบริษัทจัดการขยะทางการแพทย์รายใหญ่ ทำให้มีบริการครบวงจรมากขึ้น แถมยังลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างการเปลี่ยนก๊าซจากหลุมฝังกลบเป็นพลังงาน และใช้หุ่นยนต์/ระบบอัตโนมัติในโรงรีไซเคิลครับ

  • ทำไมยกให้เป็นหุ้นแท้งค์วิกฤต:

    เพราะ WM คือ 1 ในหุ้นแท้งค์วิกฤตประจำพอร์ตหลักของผม ที่ผลงานเติบโตได้ดีในระยะยาวตั้งแต่เก็บออมมาหลายปีก่อน ถ้าอยากชนะราคา แค่เก็บหุ้นนี้ให้นานแค่นั้นเอง! เพราะนี่คือธุรกิจที่ทำเงินได้ดีจริงๆ เป็นอะไร "จำเป็น" เพราะยังไงคนก็ต้องทิ้งขยะ แถมธุรกิจ WM ลุ้นต่อยอดได้ด้วย บริษัทมองหาโอกาสเติบโตใหม่ๆ ตลอด ทั้งการซื้อกิจการ และการลงทุนหนักในเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนกับระบบรีไซเคิลอัตโนมัติ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและกำไรในระยะยาวได้ครับ

ข้อดี ที่ผู้ถือหุ้นควรรู้:

  • ขึ้นราคาได้เก่ง (Pricing Power): WM ค่อนข้างมีความสามารถในการขึ้นราคาค่าบริการให้สูงกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ (ตั้งเป้าไว้ที่ 1.0% - 1.5% สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อของต้นทุน) โดยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังยอมรับได้ เพราะค่าบริการจัดการขยะมักจะเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับต้นทุนทั้งหมดของลูกค้าครับ (เช่น ร้านอาหาร ค่าทิ้งขยะอาจไม่ถึง 1% ของต้นทุน) และเขาก็เน้นรักษาลูกค้าเก่า (Churn Rate หรืออัตราลูกค้าเลิกใช้บริการ อยู่ที่ประมาณ 9% ถือว่าต่ำ แสดงว่าลูกค้าอยู่กับเขานานเป็น 10 ปี) เขาใช้ข้อมูลวิเคราะห์ลูกค้าเพื่อขึ้นราคาอย่างเหมาะสม ไม่ได้ขึ้นแบบเหวี่ยงแห

  • ลงทุนในพลังงานหมุนเวียน (RNG) อย่างจริงจัง: WM ทุ่มเงินลงทุนถึง 1.6 พันล้านเหรียญในโครงการ RNG (แปลงก๊าซมีเทนจากหลุมฝังกลบเป็นก๊าซธรรมชาติหมุนเวียน) ตั้งเป้าสร้างรายได้ถึง 650 ล้านเหรียญ และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 500 ล้านเหรียญ เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ (คาดว่าปี 2027) โครงการนี้คืนทุนเร็ว (ประมาณ 3 ปี ไม่รวมเครดิตภาษี) และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอบโจทย์เรื่อง ESG แถมยังเอาไปใช้กับรถเก็บขยะของตัวเองที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (CNG) ได้ด้วย ถือเป็นการลงทุนที่ฉลาดและต่อยอดจากสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว (หลุมฝังกลบ)

  • ทุ่มทุนกับระบบรีไซเคิลอัตโนมัติ (Recycling Automation): ลงทุนอีก 1.4 พันล้านเหรียญ เพื่ออัปเกรดโรงรีไซเคิลให้เป็นระบบอัตโนมัติเกือบทั้งหมด ข้อดีคือ 60% ของประโยชน์ที่ได้ มาจากการลดต้นทุนค่าแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาขยะรีไซเคิลที่ผันผวนมากนัก แถมยังได้ขยะรีไซเคิลที่สะอาดขึ้น ขายได้ราคาดีขึ้น (Premium) และยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับกฎหมายใหม่ๆ ที่อาจจะออกมาในอนาคต (เช่น กฎหมาย EPR ที่ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบขยะ หรือกฎหมายที่บังคับให้ใช้พลาสติกรีไซเคิล)

  • การซื้อกิจการ Stericycle (Medical Waste): ยกให้นี่คือการขยายธุรกิจที่ผมสนใจมาก ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า”ขยะทางการแพทย์”มันจะมีแนวโน้มเติบโตที่ดีขนาดนี้ครับ!? คุณ Ed บอกว่า ธุรกิจจัดการขยะทางการแพทย์มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าธุรกิจเก็บขยะทั่วไปซะอีก เพราะคนอายุยืนขึ้น ใช้บริการทางการแพทย์มากขึ้น WM เลยมองว่าสามารถนำความเชี่ยวชาญด้านการจัดการ การกำหนดราคา และระบบ IT ของตัวเองไปปรับปรุง ให้ Stericycle ให้ดีขึ้นได้ โดยตั้งเป้า การลดต้นทุนซ้ำซ้อน แถมยังมีโอกาสขายบริการอื่นๆ ของ WM ให้กับลูกค้าเดิมของ Stericycle ได้อีกในอนาคต

  • เน้นประสิทธิภาพและการใช้เทคโนโลยี (Operational Efficiency & Automation): นอกจากเรื่องรีไซเคิลแล้ว WM ยังพยายามใช้ระบบอัตโนมัติในส่วนอื่นๆ เช่น เปลี่ยนรถเก็บขยะตามบ้านจากแบบใช้คนยก เป็นแบบแขนกลยกด้านข้าง ซึ่งช่วยลดจำนวนคน ลดอุบัติเหตุ และทำงานได้เร็วขึ้น 30% รวมถึงใช้เทคโนโลยีวางแผนเส้นทางเดินรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และพัฒนาระบบให้ลูกค้าบริการตัวเองผ่านออนไลน์ได้ เพื่อลดภาระ Call Center

ข้อกังวล & ความเสี่ยง:

  • ปริมาณขยะทรงตัวหรือลดลง (Volume Weakness): แม้จะขึ้นราคาเก่ง แต่ปริมาณขยะโดยรวม (ไม่นับงานเก็บกวาดไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย) ค่อนข้างทรงตัว หรืออาจจะ "เรียบๆ" (Flat) ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ WM "ตั้งใจ" ลดปริมาณลูกค้ากลุ่มบ้านเรือนบางส่วนที่ไม่ทำกำไร ส่วนปริมาณขยะจากภาคอุตสาหกรรม ก็ดูจะชะลอตัวลงในช่วง 2-3 ไตรมาสล่าสุด คุณ Ed ถึงกับเปรยๆ ว่า "อาจจะอยู่ในช่วงภาวะถดถอยย่อมๆ ของภาคอุตสาหกรรมหรือเปล่า?" (mini industrial recession) ขยะจากการก่อสร้างก็ดูจะลดด้วยเช่นกัน

  • ต้นทุนยังสูงอยู่ (Inflationary Pressure): ถึงแม้จะจัดการได้ดี แต่สภาพแวดล้อมโดยรวมยังคงมีภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนต่างๆ โดยเฉพาะค่าแรงงาน ก็ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายที่บริษัทต้องบริหารจัดการต่อไป

  • ความเสี่ยงจากการรวมกิจการ Stericycle (Integration Risk): การซื้อกิจการใหญ่ๆ มักจะมีความเสี่ยงเสมอ ถึงแม้ WM จะมีแผนและดูมั่นใจ แต่ก็ต้องจับตาดูว่าจะสามารถรวมระบบการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร ให้เป็นหนึ่งเดียวได้หรือไม่ และที่สำคัญคือ จะลดต้นทุนซ้ำซ้อนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้จริงๆหรือเปล่า ก็ต้องติดตามต่อไป

  • ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและราคาพลังงาน/รีไซเคิล: รายได้และความคุ้มค่าของโครงการ RNG ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับราคา Renewable Identification Numbers (RINs) ซึ่งเป็นเหมือนเครดิตที่ได้จากการผลิตพลังงานหมุนเวียน ซึ่งราคาอาจผันผวนได้ รวมถึงกฎหมายสนับสนุนต่างๆ เช่นเดียวกันกับธุรกิจรีไซเคิลที่ได้ประโยชน์จากกฎหมาย EPR หรือ Minimum Content ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนได้

  • ภาระหนี้และเงินลงทุนสูง (Higher Leverage & Capex): การลงทุนใหญ่ๆ ทั้งใน RNG, Recycling Automation และการซื้อ Stericycle ทำให้บริษัทต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก เลยเป็นการยกระดับหนี้สินต่อ EBITDA สูงขึ้นกว่าระดับปกติไปด้วย เลยทำให้ต้องชะลอการซื้อหุ้นคืนออกไปก่อน ต้องเน้นจ่ายหนี้ในช่วงนี้

คุณ Ed อธิบายเหตุผลหลักๆ ที่ WM ตัดสินใจซื้อ Stericycle มานะครับ ….

"เราคิดว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะนำเอาสิ่งที่เราเรียนรู้จากโปรแกรมการตั้งราคาของเรา มาปรับใช้กับธุรกิจของพวกเขาได้... พอเราเริ่มเก็บข้อมูล เราเข้าใจข้อมูล เราก็จะสามารถนำมันไปปรับใช้กับธุรกิจของเขาได้เลย และเราคิดว่าธุรกิจนี้ (ขยะทางการแพทย์) มีศักยภาพที่จะเติบโตในแง่ของปริมาณ (Volume) ได้เร็วกว่า ธุรกิจเก็บขยะและกำจัดขยะแบบดั้งเดิมของเรา... มันเป็นจุดเปลี่ยนที่แข็งแกร่งจริงๆ ที่เราคิดว่าเรามีโอกาสที่จะนำเอาสิ่งที่เราเชี่ยวชาญอยู่แล้วมาปรับใช้กับธุรกิจนี้ครับ"

★𝓐𝓓𝓜𝓘𝓝★ : 

ในมุมมองของผมนะครับ WM ยังคงเป็นหุ้นที่น่าลงทุนในระยะยาว และควรมีติดพอร์ตไว้ครับ เพราะ…

  • ธุรกิจมั่นคงและจำเป็น: ยังไงซะการจัดการขยะก็เป็นบริการที่ขาดไม่ได้ ทำให้ธุรกิจมีรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจมากเท่าธุรกิจอื่น

  • ความเป็นผู้นำตลาด: การเป็นเบอร์ 1 ในอเมริกาเหนือ ทำให้มีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งด้านขนาด ต้นทุน และเครือข่าย

  • การลงทุนเพื่ออนาคต: การทุ่มเงินลงทุนใน RNG และ Recycling Automation รวมถึงการซื้อ Stericycle แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่ได้หยุดนิ่ง แต่พยายามสร้างการเติบโตใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพอยู่ตลอด ซึ่งน่าจะเห็นผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

  • มีปันผลสม่ำเสมอ: จ่ายปันผลและเพิ่มปันผลต่อเนื่องมา 25 ปีแล้ว ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นได้ดีมาก เราได้กำไรทั้งราคาที่เติบโตและปันผลที่ทบต้นกันไปครับ

แต่... ก็มีสิ่งที่ต้องพิจารณา….

  • การเติบโตของธุรกิจหลักอาจไม่หวือหวา: ปริมาณขยะในธุรกิจเดิมอาจจะโตช้า หรือทรงตัว การเติบโตหลักๆ น่าจะมาจากธุรกิจใหม่ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพมากกว่า

  • ต้องใช้เวลาและความสำเร็จในการลงทุน: โครงการใหญ่ๆ อย่าง RNG, Recycling หรือการรวม Stericycle ต้องใช้เวลาและต้องทำให้สำเร็จตามแผน ถึงจะเห็นผลตอบแทนเต็มที่ ซึ่งก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง

  • ภาระหนี้ระยะสั้น: ช่วงนี้หนี้อาจจะสูงหน่อยจากการซื้อ Stericycle ต้องรอให้บริษัทลดหนี้ลงมาก่อน ถึงจะกลับมาซื้อหุ้นคืนได้เหมือนเดิม

  • หุ้นมีเรื่องราวที่ไม่ค่อยตื่นเต้น: เลยต้องมีความอดทนในการเก็บออมครับ ระยะยาวถึงจะเห็นผล!

📌 แนวรับ: TF : Week ยังสูงมาก เสี่ยงรอ $200, $187 และ $167