ตะวันออกกลางเดือด!! F-35 ของ LMT ถล่มอิหร่าน! ดันหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศพุ่งยกแผง!!

รอบนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวนหนัก หลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการ “Operation Rising Lion” โจมตีอิหร่านแบบจัดหนักที่สุดตั้งแต่ยุคสงครามอิรัก-อิหร่านเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน จุดสำคัญคือ อิสราเอลใช้เครื่องบิน F-35 ของ Lockheed Martin บินไปถล่มทั้งโรงงานนิวเคลียร์ ฐานขีปนาวุธ และเป้าหมายสำคัญทางทหารของอิหร่าน มีรายงานว่าผู้นำกองทัพระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของอิหร่านถูกสังหารไปหลายคน เหตุการณ์นี้ทำให้ Mossad หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ถูกพูดถึงอีกครั้งในฐานะหน่วยข่าวกรองที่เจาะลึกเข้าไปถึงข้างในอิหร่านได้จริง

แน่นอนว่าอิหร่านไม่อยู่เฉย ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธและโดรนกลับไปที่อิสราเอลกว่า 100 ลูก แต่ส่วนใหญ่ถูกสกัดไว้ได้ สถานการณ์นี้ทำให้ตลาดทั่วโลกตื่นตระหนก ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 6% เพราะกลัวซัพพลายในตะวันออกกลางจะสะดุด ทองคำก็ขึ้นแรง นักลงทุนแห่เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย เทขายหุ้นเสี่ยงหนีความไม่แน่นอน แต่หุ้นกลุ่มอาวุธกลับสวนทาง บวกแรงสุดๆ Lockheed Martin (LMT) ขึ้นเกือบ +3.66%, RTX พุ่งกว่า +3.34%, L3Harris (LHX) เพิ่มขึ้น +2.64% และ Northrop Grumman (NOC) ก็ขึ้นแรง +3.94% เพราะอิสราเอลเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเหล่านี้ และความต้องการอาวุธทันสมัยจะยิ่งสูงขึ้นถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อ

นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์นี้ยังไม่น่าจะจบง่ายๆ เพราะอิสราเอลเองไม่มีศักยภาพจะบุกทำลายอิหร่านแบบเบ็ดเสร็จด้วยอากาศยาน และก็ไม่สามารถส่งทหารบุกเข้าไปถึงใจกลางเมืองหลวงของอิหร่านอย่างเตหะรานได้ ขณะที่อิหร่านก็มีเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาคพร้อมตอบโต้เสมอ ความเสี่ยงสงครามขยายวงจึงยังสูงอยู่

หุ้นกลุ่มอาวุธมักเป็น “หุ้นหลบภัย” ในยามเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ เพราะงบประมาณกลาโหมจะถูกอัดฉีดทันทีที่มีความเสี่ยงสงคราม บริษัทอย่าง LMT, RTX, NOC, LHX ได้อานิสงส์เต็มๆในระยะสั้น แต่ในระยะยาวต้องจับตาว่า สถานการณ์จะยืดเยื้อไหม และกระทบเศรษฐกิจโลกแค่ไหน เพราะถ้าความขัดแย้งลากยาว เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัว หุ้นกลุ่มอื่นจะได้รับผลกระทบหนัก