ทําไมจารย์เชย์ 'ยังถือ' MDB, GLBE, DOCN? ทั้งที่ใครๆก็ว่า 'ไม่โต'!!

มีคนถามผมว่าทำไมยังถือหุ้นอย่าง MDB, GLBE, และ DOCN อยู่?? ทั้งๆที่ตลาดช่วงนี้ดูไม่ค่อยชอบหุ้นที่เติบโตไม่ทันใจ เพราะหุ้นเหล่านี้เหมือนอยู่กึ่งกลาง คือพื้นฐานบริษัทดีแต่การเติบโตดูเหมือนจะชะงักไปหน่อย

อย่าง MDB ผมลงทุนมาหลายปี เพราะเป็นแพลตฟอร์มฐานข้อมูลที่นักพัฒนารุ่นใหม่นิยมใช้กันมาก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่อยู่ที่การเติบโตที่ทางผู้บริหารมักจะให้เป้าหมายแบบระมัดระวังมากเกินไป ทำให้ตัวเลขการเติบโตดูเหมือนจะอยู่แค่หลักสิบกลางๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว ผมมองว่าปีนี้ MDB ควรจะเติบโตได้ถึง 20% และมีโอกาสที่จะเร่งตัวขึ้นไปถึง 25% ได้ไม่ยากด้วยซ้ำ แต่ถ้ายังเติบโตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมก็คงไม่ถือหุ้นที่มีค่า P/E สูงๆ แบบนี้ต่อไปแน่ ถ้าการเติบโตที่คาดหวังไว้ไม่กลับมา ผมก็พร้อมจะขาย

ส่วน GLBE นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย เพราะไม่ได้เกิดจากปัญหาการบริหารงาน แต่เป็นเพราะตลาดอาจจะยังเข้าใจผิดอยู่ ตลาดมองว่าความตึงเครียดเรื่องกำแพงภาษีจะเป็นผลเสีย แต่ผมกลับมองว่าสถานการณ์แบบนี้ยิ่งเป็นผลดีกับ GLBE เพราะการค้าขายทั่วโลกไม่ได้ชะลอตัวลง แต่กลับมีความซับซ้อนและแยกส่วนกันมากขึ้น และเมื่อไหร่ที่ระบบต่างๆซับซ้อนมากขึ้น GLBE ซึ่งเป็นเหมือนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการค้าขายออนไลน์ทั่วโลก ทั้งเรื่องการจัดการสกุลเงิน, การปฏิบัติตามกฎหมาย, เรื่องภาษี, ภาษา และการขนส่งปลายทาง ก็จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น ยิ่งปัญหาเยอะ GLBE ก็ยิ่งมีคุณค่า เหมือนเป็นคนกลางที่ช่วยแปลภาษาและจัดการความยุ่งยากทั้งหมด ในวันที่การค้ากลายเป็นเครื่องมือต่อรองระหว่างประเทศ และผู้บริโภคก็ยังคาดหวังความสะดวกสบายในการซื้อของเหมือนเดิม

สุดท้ายคือ DOCN หุ้นตัวนี้ผมมีความผูกพันส่วนตัวนิดหน่อย การฟื้นตัวของบริษัทอาจจะใช้เวลานานกว่าที่ผมคาดไว้ แต่ผมเห็นสัญญาณที่ดีว่า DOCN กำลังพัฒนาไปในทางที่ถูก จากเดิมที่เป็นแค่ผู้ให้บริการคลาวด์รายเล็กสำหรับนักพัฒนาอิสระ ตอนนี้ DOCN กำลังจะกลายเป็นประตูสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMBs) ที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการความซับซ้อนยุ่งยากเหมือนการใช้บริการคลาวด์รายใหญ่อย่าง AWS และเฉพาะส่วนธุรกิจที่เกี่ยวกับ AI นี้ก็เติบโตสูงถึง 150% เมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่แน่นอนว่าการสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาทั้งจากลูกค้าและนักลงทุนต้องใช้เวลา อาจจะต้องมองกันยาวๆ ถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2026 และที่ผมยังคงถือหุ้นเหล่านี้อยู่ ไม่ใช่เพราะความชอบส่วนตัวอะไร แต่เป็นเพราะผมยังเชื่อว่าพื้นฐานของบริษัทที่ดีและการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลดีในที่สุด แม้ว่าตลาดอาจจะยังไม่ให้รางวัลในทันที

แต่ผมก็ไม่ได้ให้เวลากับหุ้นเหล่านี้ไปเรื่อยๆ เพราะถ้าบริษัทไหนไม่สามารถทำตามแผน หรือเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้กลายเป็นความจริงที่จับต้องได้ไม่เร็วพอ ผมก็พร้อมจะขายออกไปเช่นกัน!