- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธที่ 20 ส.ค. 2025: 'สิงหาพักฐาน'? เมื่อหุ้น 'พระเอก' ฉุด Nasdaq ร่วง! จับตาอาจ 'เปลี่ยนขั้ว' ครั้งใหญ่??
สรุปตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธที่ 20 ส.ค. 2025: 'สิงหาพักฐาน'? เมื่อหุ้น 'พระเอก' ฉุด Nasdaq ร่วง! จับตาอาจ 'เปลี่ยนขั้ว' ครั้งใหญ่??

เมื่อวานนี้ Nasdaq ที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีร่วงลงถึง -1.46% หลังจากนักลงทุนพากันขายหุ้นตัวเด่นของปีนี้ รวมถึงหุ้นกลุ่มใหญ่ๆ อย่าง "Magnificent Seven" ซึ่งเคยเป็นขวัญใจนักลงทุนกลับกลายเป็นกลุ่มที่โดนขายออกหนักตลอดช่วงบ่าย ขณะที่หุ้นของ Palantir Technologies ก็เป็นหุ้นใน S&P 500 ที่ร่วงแรงที่สุด
แม้หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดจะปรับขึ้น แต่ภาพใหญ่กลับขัดแย้ง เพราะหุ้นตัวท็อปและหุ้นเติบโตสูงกลับเป็นผู้แพ้ของวัน ส่วน S&P 500 เองก็ลดลง -0.59% ขณะที่ Dow Jones ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย +0.02% ทั้งที่ช่วงกลางวันขึ้นไปทำสถิติสูงสุดระหว่างวัน ก่อนที่กระแสขายหุ้นเทคโนโลยีจะแผ่กระจายมาทำให้ตลาดทั้งหมดปรับลดตามไป
สำหรับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะ 10 ปี ต่ำลงมาอยู่ที่ 4.3% ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะอัตราเงินกู้อยู่ในระดับต่ำ ทำให้หุ้นแนวรับความเสี่ยงต่ำ หุ้นปันผล และหุ้นมูลค่าสูงเติบโตได้ดี ในขณะที่กลุ่มหุ้นที่ผันผวนสูง หุ้นเติบโตแรง ที่เสี่ยงกว่า กลับเจอแรงกดดันหนัก
สำนักวิเคราะห์อย่าง NatAlliance Securities ตั้งข้อสังเกตว่านี่อาจเป็นการเริ่มต้น "ช่วงพักฐาน" ของสิงหาคม แม้จะเร็วไปหน่อยที่จะสรุปเช่นนั้น ในขณะเดียวกัน BTIG ก็มองว่าการเปลี่ยนแปลงในตลาดเมื่อวานนี้ จริงๆแล้วเป็นเรื่องของการสลับทิศทางของหุ้นกลุ่มต่างๆในตลาด หรือ ที่เห็นว่าเกิดแรงขายรอบนี้ เพราะนักลงทุนเปลี่ยนจากการเลือกหุ้นบางกลุ่ม มาเลือกหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งแทน
เหตุการณ์ครั้งนี้ก็สอดคล้องกับธรรมเนียมของวอลล์สตรีท ที่ช่วงปลายเดือนสิงหาคมมักจะซบเซา เพราะนักลงทุนจำนวนมากเลือกไปพักผ่อนก่อนเปิดเทอม ซึ่งปริมาณการซื้อขายที่บางเบาอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมแรงขายเล็กน้อยช่วงเช้าจึงขยายกลายเป็นการเทขายวงกว้าง แต่ก็ยังต้องจับตาดูต่อไปว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนขั้วจากหุ้นยอดนิยมในปีนี้หรือไม่
จุดสำคัญคือแรงขายเน้นไปที่หุ้นผู้นำตลาดที่เคยทำผลงานดีในปีนี้ ประกอบกับแรงกดดันจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงในตลาด ที่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อนๆนักลงทุนควรระวังการเคลื่อนไหวของเงินทุนและระยะเวลาการฟื้นตัวของกลุ่มหุ้นที่เคยเป็นพระเอกของปีนี้ เพราะอาจมีการสลับขั้วครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้นในตลาด