Netflix (NFLX): ยักษ์ใหญ่สตรีมมิ่งที่ไม่หยุดเติบโต

Netflix (NFLX) ยังคงตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งระดับโลก และยังคงสร้างความประทับใจให้นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลตอบแทน มากกว่า 53% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และจะยังคงเป็นหุ้นที่มีศักยภาพสูงน่าลงทุนในระยะยาวต่อไป เพราะ…

1. การลงทุนในคอนเทนต์ที่เข้าถึงผู้ชมทั่วโลก

Netflix ทุ่มเทกับการสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองผู้ชมทั่วโลก ตัวอย่างเช่น การประกาศลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในเม็กซิโกเพื่อผลิตภาพยนตร์และซีรีส์ท้องถิ่นระยะเวลา 4 ปี ซึ่ง Ted Sarandos, Co-CEO ของ Netflix เน้นย้ำว่าเป็นการส่งเสริมความร่วมมือกับผู้สร้างในพื้นที่ และยังอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคบริการและการท่องเที่ยวได้อีกด้วย นอกจากนี้ สัดส่วนคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะคอนเทนต์จากเอเชียที่ได้รับความนิยมสูงมาก

2. การเติบโตของธุรกิจโฆษณาและรายได้เสริม

Netflix กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจโฆษณาอย่างเต็มกำลัง หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัวแพ็กเกจแบบมีโฆษณา ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกและสร้างรายได้ช่องทางใหม่ นักวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยคาดการณ์ว่ารายได้จากโฆษณาจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ Netflix ยังขยายไปสู่การถ่ายทอดสดอีเวนต์และกีฬา เช่น การเซ็นสัญญาระยะยาวถ่ายทอดสด WWE Raw เริ่มต้นในปี 2025 และการทดลองถ่ายทอดสดเกม NFL ในช่วงคริสต์มาสปี 2024 ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดผู้ชมกลุ่มใหม่และเพิ่มการมีส่วนร่วม

3. คลังคอนเทนต์ยอดนิยมที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง

อีกหนึ่งจุดแข็งของ Netflix คือ”คลังคอนเทนต์และซีรีส์ยอดนิยมมากมาย” ดึงดูดผู้ชมได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า Squid Game ซีซั่น 3 จะยังไม่มีกำหนดฉายที่แน่นอน แต่คาดว่าจะกลับมาสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งภายในปีนี้ และน่าจะนำพาหุ้นขึ้นไปได้อีก หลังจากเคยทำได้ในทุกซีซั่นก่อนหน้า แล้วแฟนคลับยังรอคอยซีรีส์ดังอื่นๆ ที่จะกลับมาปีนี้ เช่น Stranger Things ซีซั่น 5 (ซีซั่นสุดท้าย), Wednesday ซีซั่น 2, และ You ซีซั่น 5 ซึ่งล้วนเป็นแม่เหล็กดึงดูดสมาชิกทั้งเก่าและใหม่ และรวมถึงนักลงทุนก็สามารถลุ้นราคาหุ้นได้เสมอ

สรุปกลยุทธ์ล่าสุดที่จะได้มาซึ่งไตรมาสสวยๆปีนี้…

1. การเพิ่มงบลงทุนในคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง

คาดการณ์ว่าจะใช้งบประมาณถึง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปีนี้ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลาย ตั้งแต่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ไปจนถึงซีรีส์ขวัญใจมหาชน Spencer Neumann, CFO ของ Netflix เคยบอก "นี่เราเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!" สะท้อนความเชื่อมั่นในการเติบโตผ่านการลงทุนในคอนเทนต์

2. การบุกตลาดถ่ายทอดสดกีฬาและอีเวนต์

เอาจริงมากๆกับการถ่ายทอดเกมกีฬา ทุกคนเห็นผลงานกันไปแล้วใน NFL ปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากทั่วโลก แม้ภายหลังจะบอกว่าจะมีการปรับปรุงในบางส่วนให้ดียิ่งขึ้นไป มีรายงานว่ามีผู้ชมจากกว่า 200 ประเทศ รวมถึงการขยายสู่การถ่ายทอดสดอย่าง WWE Raw ที่เริ่มต้นไปแล้ว และได้ผลตอบรับดี นี่คือกลยุทธ์การเพิ่มความหลากหลายของเนื้อหาเพื่อดึงดูดฐานผู้ชมที่กว้างขึ้น และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่ไม่มีถ่ายทอดสดกีฬาสำคัญ

3. การจัดการการแชร์รหัสผ่านและธุรกิจเกม

การปราบปรามการแชร์รหัสผ่านอย่างจริงจัง และการนำเสนอ "Paid Sharing" (การจ่ายเงินเพิ่มเพื่อแชร์บัญชีนอกครัวเรือน) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จมากจริงๆ เพราะเพิ่มทั้งจำนวนสมาชิกและรายได้ แล้ว Netflix ยังคงเดินหน้าลงทุนในธุรกิจ เกมมือถือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจสมาชิก เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความผูกพันกับผู้ใช้งานในระยะยาว

4. มั่นใจมากกับทิศทางในปีนี้

Netflix มั่นใจกับแนวทางรายได้ปีนี้ เพราะวางไว้ที่การเติบโตระหว่าง 12% - 14% ที่รายได้รวมประมาณ 43.5 - 44.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมตั้งเป้า อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) ที่ 29% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ แสดงให้เห็นเลยว่าการบริหารจัดการต้นทุนของ Netflix นี่ไม่ธรรมดา! มีประสิทธิภาพสูง ควบคู่ไปกับการเติบโตของรายได้

ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ กำไรสุทธิมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปกว่า 20-25% ในปีนี้ และจะเติบโตต่อเนื่องไปปีหน้าเลย

ทำไม NFLX ยังน่าลงทุน?

เพราะ Netflix พิสูจน์ตัวเองแล้วทั้งตัวเลขและราคาหุ้น! เป็นบริษัทที่มีความสามารถในการปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเติบโตของฐานสมาชิกทั่วโลก การขยายตัวของธุรกิจ ทำให้ Netflix ยังคงเป็นผู้นำในตลาดสตรีมมิ่ง และจะยังคงเป็นหุ้นที่มีศักยภาพสูงในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในระยะยาวต่อไป ราคาเป้าหมาย $1,000/หุ้น ขึ้นไป

ได้คะแนน Rating ดีมาก! แสดงถึงหุ้นที่มีพื้นฐานดีเยี่ยม

กราฟกำลังทำทรงเหมือนว่าจะลงมาที่ราคาประมาณ $875 และอาจจะทะลุไป $834 และถ้าตลาดยังคงมีความกังวลสูง ก็อาจจะมีโอกาสทะลุไปถึง $766 เพื่อสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนระยะยาว ออมหุ้นรอไปขายที่ตั้งแต่ $900 หรือ $1000 ขึ้นไป