- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- Neuralink เชื่อมต่อ 'สมอง' กับ 'AI' โดยตรง!! ชีวิต 'ผู้ป่วยอัมพาต' เล่นเกมได้ใน 1 สัปดาห์!!
Neuralink เชื่อมต่อ 'สมอง' กับ 'AI' โดยตรง!! ชีวิต 'ผู้ป่วยอัมพาต' เล่นเกมได้ใน 1 สัปดาห์!!
Neuralink ของ Elon Musk สร้างกระแสฮือฮาอีกครั้ง หลังจากฝังชิปสมองให้กับผู้ป่วยรายที่ 6 ชื่อ Rob Grenier ซึ่งเป็นผู้ป่วยอัมพาตทั้งตัว จากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมา
จุดที่น่าทึ่งคือ แค่ไม่ถึงสัปดาห์หลังผ่าตัด Rob สามารถควบคุมเมาส์และเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ได้ด้วย "ความคิด" ของตัวเองเลย เจ้าตัวโพสต์โชว์ความสามารถนี้ใน X พร้อมบอกว่า “มันน่าเหลือเชื่อมากกับสิ่งที่ผมทำได้ในเวลาแค่อาทิตย์เดียว!” ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับจากคนทั่วโลกอย่างล้นหลาม
เบื้องหลังความสำเร็จนี้ Neuralink เพิ่งระดมทุนรอบ Series E ได้กว่า $650 ล้าน (ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท) โดยมี ARK Invest ของ Cathie Wood เป็นหนึ่งในนักลงทุนหลัก ผลักดันให้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง $9 พันล้านแล้วตอนนี้
Neuralink ไม่ได้หยุดแค่การช่วยผู้ป่วยอัมพาตเท่านั้น แต่ยังมีแผนจะทดสอบชิป "Blindsight" กับผู้ป่วยที่ตาบอดโดยตรงในปี 2026 ที่คลินิก Cleveland Clinic ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป้าหมายคือ ให้คนที่ตาบอดสนิทสามารถ “มองเห็น” ได้อีกครั้งด้วยการเชื่อมต่อชิปกับสมองส่วนที่ควบคุมการมองเห็น Musk เคยพูดไว้เลยว่า “แม้แต่คนที่ตาบอดสนิทตั้งแต่เกิดก็จะกลับมามองเห็นได้”
นอกจากนี้ ยังมีเคสผู้ป่วย ALS (กล้ามเนื้ออ่อนแรง) อย่าง Brad Smith ที่เป็นคนแรกที่พูดไม่ได้เลยแต่สื่อสารกับโลกผ่านชิป Neuralink ได้ โดยเขาใช้ชิปควบคุมเคอร์เซอร์บนแล็ปท็อปและใช้ AI สร้างเสียงพูดของตัวเองขึ้นมาใหม่ ถือเป็นก้าวกระโดดของเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้พิการอย่างแท้จริง
Neuralink ยังขยายการทดลองไปแคนาดาและประเทศอื่นๆด้วย โดยเป้าหมายใหญ่คือ ทำให้ผู้ป่วยที่ขยับร่างกายไม่ได้ สามารถควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัลหรือหุ่นยนต์ช่วยเหลือได้ด้วยความคิด ไม่ใช่แค่เล่นเกมแต่รวมถึงการใช้งานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
Neuralink กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญจาก “งานวิจัย” สู่ “ธุรกิจจริง” ที่มีโอกาสสร้างตลาดใหม่มหาศาล ทั้งในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ และอนาคตอาจต่อยอดสู่การเชื่อมต่อสมองกับ AI หรือการฟื้นฟูประสาทสัมผัสต่างๆ ถ้าเทคโนโลยีนี้ปลอดภัยและขยายผลได้จริง Neuralink จะกลายเป็นบริษัทที่เปลี่ยนชีวิตคนทั้งโลก และแน่นอนว่ามูลค่าบริษัทอาจโตได้อีกหลายเท่าตัวในอนาคต แต่ก็ต้องจับตาความเสี่ยงด้านความปลอดภัย กฎระเบียบ และการแข่งขันจากบริษัทเทคโนโลยีเจ้าอื่นๆ ด้วยเช่นกัน