ทําไม Robinhood พุ่งแรง +12% เมื่อวานนี้?? เปิดเหตุผลที่นักลงทุนแห่ซื้อ!?

หุ้น Robinhood เด้งขึ้นแรงเมื่อวานนี้ เพราะบริษัทเพิ่งประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกได้ว่า “เปลี่ยนเกม” สำหรับวงการลงทุนเลย คือ Robinhood เปิดให้ลูกค้าในยุโรปสามารถซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ และ ETF กว่า 200 ตัวในรูปแบบ “โทเคน” บนบล็อกเชน Arbitrum แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น แถมเทรดได้ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาตลาดเปิด-ปิดแบบเดิมๆ อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เหมือนเอาหุ้นจริงมาทำเป็นเหรียญดิจิทัลที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง 1:1 เทรดได้คล่องเหมือนคริปโต แถม Robinhood ยังมีแผนจะขยายให้เทรดได้ 24/7 เต็มรูปแบบในอนาคตด้วย

นอกจากนั้น Robinhood ยังเดินหน้าขยายบริการคริปโตในยุโรเปิดให้ลูกค้าเก็งกำไรคริปโตแบบใช้เงินทุนน้อยแต่ลุ้นผลตอบแทนสูง (perpetual futures) และยังมีบริการฝากเหรียญคริปโตกินดอกเบี้ย (staking) ในสหรัฐฯ เพื่อแข่งกับแพลตฟอร์มคริปโตเจ้าใหญ่ๆ อย่าง Coinbase กับ Kraken โดยบริษัทเพิ่งซื้อ Bitstamp (กระดานเทรดคริปโตยุโรป) มูลค่า $200 ล้าน และ WonderFi ในแคนาดาอีก $179 ล้าน เพื่อเสริมทัพสายคริปโตและขยายฐานลูกค้า

ข่าวนี้ทำให้หุ้น Robinhood พุ่งขึ้นทันที +12.77% ทะลุจุดสูงสุดใหม่ที่ $94.24 และ Market Cap ก็พุ่งทะลุ $8.2 หมื่นล้านในเวลาอันสั้น ความตื่นเต้นของนักลงทุนมาจากการที่ Robinhood กลายเป็นแพลตฟอร์มแรกๆ ที่นำหุ้นจริงมาทำเป็นโทเคนให้เทรดแบบไร้ขีดจำกัดเวลาและค่าธรรมเนียม ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่อาจเปลี่ยนวิธีลงทุนหุ้นทั่วโลกได้เลย

CEO ของ Robinhood ยังบอกด้วยว่า ฟีเจอร์นี้จะทำให้คนยุโรปเข้าถึงหุ้นสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ต้องสนใจ Timezone หรือข้อจำกัดตลาดเดิมๆ อีกต่อไป และยังมีแผนจะเพิ่มหุ้นโทเคนเป็น “หลักพันตัว” ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงหุ้นบริษัทเอกชนดังๆ อย่าง OpenAI หรือ SpaceX ด้วย

แต่ต้องบอกว่า แม้รายได้และกำไรของ Robinhood จะโตแรงมากในปีที่ผ่านมา ทำให้หุ้นมี P/E สูงถึงราว 50-60 เท่า ซึ่งถือว่าแพงเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ดั้งเดิม แต่ก็ยังสมเหตุสมผลสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าการเติบโตเริ่มชะลอหรือเทรนด์คริปโตแผ่วลง เพื่อนๆนักลงทุนควรระวังแรงเทขายจากการเก็งกำไร

การที่ Robinhood กล้าเสี่ยงนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ก่อนใคร ทำให้บริษัทมีโอกาสกลายเป็นผู้นำในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและหุ้นโทเคนทั่วโลก แต่ก็ต้องจับตาเรื่องกฎระเบียบและการแข่งขันจากเจ้าอื่นๆ ถ้าบริษัทรักษาความได้เปรียบนี้ไว้ได้และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หุ้น HOOD ก็ยังน่าสนใจสำหรับสายเติบโต ที่รับความเสี่ยงสูงได้ แต่สำหรับสายเน้นความมั่นคง อาจต้องรอดูความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจนี้อีกสักพัก