- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- ทําไม BigBear.ai พุ่งขึ้น +16% เมื่อวานนี้??
ทําไม BigBear.ai พุ่งขึ้น +16% เมื่อวานนี้??
ช่วงนี้หุ้น BigBear.ai (BBAI) กำลังเป็นกระแสแรงมาก ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องจนหลายคนต้องหันมามองกันอีกรอบ ที่เห็นชัดเลยคือรอบเดือนที่ผ่านมา หุ้นขึ้นไปกว่า 80% แล้ว แค่เมื่อวานวันเดียวก็ขึ้นอีก +16.27% ทั้งที่ดัชนี S&P 500 กับ Nasdaq ขึ้นแค่ประมาณ 1% เท่านั้นเอง สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นวิ่งแรงขนาดนี้ ไม่ได้มาจากข่าวธุรกิจเฉพาะของบริษัทเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะ กระแสหุ้นเทคโนโลยีสายป้องกันประเทศ (defense tech) กำลังมาแรงทั่วโลก นักลงทุนเลยแห่กันเข้าไปเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มนี้กันเพียบ
BigBear เองก็มีข่าวดีเรื่องการนำซอฟต์แวร์ไบโอเมตริกซ์ไปใช้ในสนามบินใหญ่ๆ ทั้งในสหรัฐฯอย่าง JFK, LAX, O’Hare รวมถึงได้เซ็นสัญญาพาร์ทเนอร์กับบริษัท Easy Lease ที่ UAE เพื่อขยายตลาด AI ไปตะวันออกกลาง และยังคว้าสัญญากับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สองฉบับ ทั้งงานระบบบริหารจัดการฝูงบิน J-35 กับโปรเจกต์วิเคราะห์ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ร่วมกับ CDAO ซึ่งเป็นหน่วยงาน AI ของกลาโหมสหรัฐฯ
นอกจากข่าวธุรกิจแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่อง “short squeeze” ที่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งแรง เพราะมีนักลงทุนสายชอร์ตจำนวนมากที่ต้องรีบซื้อหุ้นคืนเมื่อราคาวิ่งสวนทางกับที่คาดไว้ ส่งผลให้แรงซื้อยิ่งไหลเข้าไปอีก โดยล่าสุดมีคน short หุ้น BigBear สูงกว่า 35% ของหุ้นที่หมุนเวียนในตลาด ถือว่าสูงมากสำหรับหุ้นตัวเดียว
อีกประเด็นที่ต้องพูดถึงคือกระแส “หุ้นมีม” หรือหุ้นที่นักลงทุนรายย่อยในโซเชียลมีเดียปั่นกระแสกันเองจนราคาขึ้นแรง ซึ่งตอนนี้ BigBear ก็โดนจับตามองว่าจะเป็น “Palantir ตัวต่อไป” เพราะโมเดลธุรกิจคล้ายกัน คือเน้น AI และวิเคราะห์ข้อมูลให้กับหน่วยงานรัฐและกลาโหม
แต่ถ้ามองในมุมพื้นฐานจริงๆ ตัวเลขรายได้ไตรมาสล่าสุดของ BigBear โตแค่ 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยังขาดทุนต่อเนื่องอยู่ แม้จะมีโอกาสโตจากดีลใหม่ๆ แต่ราคาหุ้นที่พุ่งแรงขนาดนี้ก็ทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้นแบบชัดเจน
หุ้น BigBear กำลังอยู่ในจังหวะ “หุ้นร้อนแรง” ที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสและความคาดหวังมากกว่าพื้นฐานจริง เพื่อนๆนักลงทุนที่อยากลงทุนหุ้นนี้ต้องเข้าใจความผันผวนและความเสี่ยงสูงมากๆ ถ้าจะถือยาวต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทจริงๆ ว่าจะกลายเป็นผู้นำ AI สายกลาโหมได้เหมือน Palantir แต่ถ้าเก็งกำไรระยะสั้นต้องจับจังหวะให้ดี เพราะแรงซื้อจากกระแส “หุ้นมีม” และ short squeeze อาจหมดได้เร็วเหมือนกัน