• ลงทุนหุ้นอเมริกา
  • Posts
  • ยักษ์ใหญ่ AI "ยกเลิกเช่าศูนย์ข้อมูล"! ทําไม AWS, MSFT ชะลอการลงทุน? 【【 จารย์ เชย์ 】】

ยักษ์ใหญ่ AI "ยกเลิกเช่าศูนย์ข้อมูล"! ทําไม AWS, MSFT ชะลอการลงทุน? 【【 จารย์ เชย์ 】】

ช่วงนี้เห็นข่าวเรื่อง “บริษัทใหญ่ๆ ยกเลิกเช่าศูนย์ข้อมูล (data center)” หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่เสียงรบกวน แต่จริงๆ มันคือสัญญาณบางอย่างที่น่าสนใจ เพราะมันบอกว่าตลาด AI อาจเริ่มเปลี่ยนจากยุคที่คิดว่าความต้องการ AI จะโตแบบไม่มีที่สิ้นสุด กลายเป็นยุคที่ทุกอย่างต้องคิดให้รอบคอบ ตรวจสอบละเอียด และมีทางเลือกมากขึ้น

แต่ไม่ได้แปลว่าตลาดจะเป็นขาลง มันคือการเปลี่ยนโครงสร้างของตลาดมากกว่า เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่บริษัทใหญ่ (hyperscaler) อย่าง AWS หรือ Microsoft เดินออกจากดีลที่ไอร์แลนด์ แต่เป็นเรื่อง “การลงทุนก้อนโต” ที่เคยคิดว่าแน่นอนและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เริ่มมีเงื่อนไขมากขึ้น เช่น ต้องดูว่าจะสร้างรายได้จริงเมื่อไหร่? ต้องดูนโยบายแต่ละประเทศ และต้องดูว่า AI จะเปลี่ยนจากแค่กระแส มาเป็นรายได้จริงๆได้เร็วแค่ไหน?

ครั้งแรกที่ตลาดได้รับรู้เรื่องนี้ คือช่วงที่ TD Cowen ออกมาบอกว่า Microsoft ชะลอเช่าพื้นที่ศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศ ตลาดก็แตกตื่นกันใหญ่ แต่ Satya Nadella (CEO ของ Microsoft) ก็ออกมาบอกว่า “ไม่ได้เปลี่ยนแผนอะไร แค่มีพื้นที่เหลือเลยยังไม่เช่าเพิ่ม ซึ่งก็ทำให้ทุกอย่างสงบลง”

แต่รอบนี้ AWS เจอเต็มๆ มีข่าวว่า AWS หยุดเจรจาดีลทั้งในอเมริกาและต่างประเทศ บางที่ต้องเปลี่ยนสัญญาใหม่ บางที่ชะลอการตัดสินใจ แล้วคำถามคือ ทำไมถึงเกิดแบบนี้? เป็นการรัดเข็มขัด? ปรับเป้าหมาย? หรือแค่จัดสรรเงินให้ฉลาดขึ้น?

แต่ Jeff Jassy (CEO ของ AWS) ก็ยังยืนยันว่า “ไม่ได้เปลี่ยนแผนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ได้ลดหรือเปลี่ยนแผนอะไรเลย แถมยังเร่งพัฒนาชิปของตัวเองอย่าง Trainium จับมือกับพันธมิตรด้าน GPU และวางแผนระยะยาว 3 ปีเน้นการต่อยอดธุรกิจบนเทคโนโลยี AI สร้างสรรค์ (Generative AI) แบบเต็มสูบ ยังไม่มีสัญญาณว่าจะเปลี่ยนทิศทางหรือถอยหลังจากแผนเดิม”

แล้วทำไมต้องชะลอ? เพราะตลาดมันเปลี่ยนไปแล้ว ยุค “สร้างก่อน ถามทีหลัง” จบแล้ว ความต้องการ AI ยังเยอะมาก แต่ตอนนี้เริ่มวัดผลได้จริง เช่น ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน AI, ข้อจำกัดเรื่องไฟฟ้า การรวมโมเดล AI ให้เหลือน้อยลง ทุกอย่างมีจุดที่ต้องคิด ไม่ใช่แค่แข่งกันขยายแบบไม่ลืมหูลืมตา

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การถอยหลัง แต่เป็นการปรับสมดุลใหม่ และมันสำคัญมาก เพราะตัวเลขการลงทุนรวมของ AMZN, MSFT, GOOGL และ META ที่ตลาดคาดไว้เกิน $300,000 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่คือตัวตั้งต้นของการคาดการณ์กำไร ถ้าบริษัทยังลงทุนตามเป้า นักวิเคราะห์ก็ยังประเมินมูลค่าหุ้นได้เหมือนเดิม แต่ถ้าลงทุนน้อยกว่าที่คาดไว้ ทุกอย่างต้องคำนวณกันใหม่หมด

นี่แหละคือความตึงเครียดที่แท้จริง ตลาดยังพยายามใช้สมมติฐานเดิมในสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป แต่รอบนี้ไม่ใช่แค่ความผันผวนชั่วคราว มันคือการเปลี่ยนวิธีคิด บริษัทใหญ่จะไม่ได้ถูกให้คุณค่า แค่เพราะขยายตลาดแบบไม่หยุด แต่จะถูกให้คุณค่าก็ต่อเมื่อบริหารจัดการได้ดี ใช้เงินคุ้มค่า และเลือกลงทุนอย่างมีวินัย

เพราะฉะนั้นถ้าบริษัทใหญ่เริ่มเปลี่ยนวิธีคิด ธุรกิจอื่นๆ ในสายงานเดียวกันก็ต้องปรับตาม มันไม่ได้แปลว่ากำลังมีปัญหาใหญ่ แค่ทุกคนต้องยอมรับว่าการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI จะไม่โตแบบไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่อไป ทุกอย่างต้องมีงบประมาณ มีการจัดลำดับความสำคัญ และถูกตรวจสอบมากขึ้น การลงทุนก้อนใหญ่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างต้องกลับมาทบทวนใหม่ และถ้าการลงทุนเปลี่ยน เทรนด์การลงทุนในหุ้น AI ก็ต้องปรับตามด้วย

ตราบใดที่ AWS กับ Microsoft ยังไม่ออกมาบอกเปลี่ยนแผน เราก็ยังไม่เห็นการถอยจริงๆ แค่ตลาดเริ่มกรองและเลือกมากขึ้น แต่แค่นี้ก็พอจะทำให้เกิดความไม่แน่นอน ซึ่งตลาดในตอนนี้ ความไม่แน่นอนก็คือความเสี่ยง เพราะตลาดไม่ได้แค่ตั้งราคาให้กับการเติบโต แต่ยังตั้งราคาให้กับ “ความมั่นใจ” ในการเติบโตนั้นด้วย และตอนนี้ความมั่นใจเริ่มสั่นคลอน

สรุปง่ายๆ ไม่ใช่แค่เรื่องยกเลิกสัญญาเช่า แต่เป็นครั้งแรกในรอบนี้ที่บริษัทใหญ่เริ่มลังเลกับการลงทุนเงินก้อนโต และเมื่อบริษัทเหล่านี้ลังเล ทุกคนที่อยู่ในห่วงโซ่ก็ต้องคอยฟังให้ดี!