- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- หุ้น'นิวเคลียร์'ทะยาน!! หลังทรัมป์สั่งลุย! ส่อง Oklo ทําไมน่าจับตา??
หุ้น'นิวเคลียร์'ทะยาน!! หลังทรัมป์สั่งลุย! ส่อง Oklo ทําไมน่าจับตา??
เมื่อวานนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานนิวเคลียร์หลายตัวราคาพุ่งขึ้นกันอย่างคึกคัก อย่างเช่นหุ้น Centrus Energy (LEU) บวกไปถึง +21.59%, Lightbridge (LTBR) บวกแรงมาก พุ่งไปถึง +42.59% ส่วน NuScale Power (SMR) ก็ปรับตัวขึ้น +19.43% และหุ้นสตาร์ทอัพที่นักลงทุนจับตาอย่าง Oklo (OKLO) ก็ไม่น้อยหน้าบวกไปถึง +23.04% เลยทีเดียว
สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ร้อนแรงขึ้นมาก็เพราะว่า ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของฝ่ายบริหาร เพื่อเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้เร็วขึ้น และยังสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะภายในประเทศอีกด้วย
โดยเป้าหมายของคำสั่งนี้ก็เพื่อจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ๆในสหรัฐฯ ให้คล่องตัวมากขึ้น มีแนวคิดไปถึงการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กในพื้นที่ของกองทัพ หรือแม้แต่สำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในตอนนี้ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะจัดทำโครงการนำร่องเพื่อทดลองเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์แบบใหม่ 3 ตัวภายในวันที่ 4 กรกฎาคมปีหน้า และยังสั่งการให้กระทรวงพลังงานช่วยจัดหาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากรัสเซีย
ผู้บริหารในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์บางคนก็มองว่าเรื่องนี้เป็นผลดี อย่าง CEO ของ Lightbridge บอกว่า “ถ้าหน่วยงานรัฐบาลอย่างกองทัพมาเป็นลูกค้าเอง ก็อาจจะช่วยให้การสร้างโรงไฟฟ้าทำได้เร็วขึ้น เพราะขั้นตอนด้านกฎระเบียบต่างๆ น่าจะคล่องตัวกว่าเดิม”
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในภาพรวม อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ในสหรัฐฯ เองก็ค่อนข้างซบเซามานานเป็นสิบๆปี สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Oklo หรือ NuScale ที่พยายามพัฒนาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ ที่บริษัทบอกว่าจะถูกกว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่า แต่ในความเป็นจริงก็คือยังไม่มีการสร้างขึ้นมาใช้งานจริงในสหรัฐฯ อย่างดีไซน์ของ Oklo ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ส่วน NuScale เองก็เคยมีปัญหาจากความล้มเหลวของโครงการก่อนหน้านี้
และอีกประเด็นก็คือ ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน ก็มีการออกกฎหมายที่ชื่อว่า ADVANCE Act ซึ่งก็มีเป้าหมายเพื่อช่วยเร่งรัดกระบวนการอนุมัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ๆ อยู่แล้วเหมือนกัน
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่อยู่ 94 แห่ง แต่ยังไม่มีโรงไฟฟ้าใหม่ๆ อยู่ในระหว่างการก่อสร้างเลย สองโรงล่าสุดที่สร้างเสร็จในรัฐจอร์เจียก็เจอปัญหาต้นทุนบานปลายกว่างบเดิมไปมากถึง $15,000 ล้าน แถมยังสร้างเสร็จล่าช้ากว่ากำหนดไปหลายปีด้วย
ทรัมป์เองก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า “จะไม่เกิดปัญหาแบบนั้นซ้ำรอยอีก” แต่ก็ยังมีความท้าทายอื่นๆรออยู่ เช่น เรื่องเงินอุดหนุนจากภาครัฐที่อาจจะถูกตัดลดลง
ถึงแม้จะมีทั้งปัจจัยบวกและลบ นักลงทุนในตลาดก็ดูจะตอบรับข่าวนี้ในเชิงบวก สะท้อนจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมา รวมถึงหุ้นอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่าง Constellation Energy (CEG) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากที่สุดในสหรัฐฯ ราคาปรับขึ้นมาประมาณ +2.07%
ด้านนักวิเคราะห์จาก Evercore ISI ที่มองว่า คำสั่งพิเศษนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ากระทรวงพลังงานจะเร่งนำงบประมาณ $3,400 ล้านที่เคยตั้งไว้มาใช้สนับสนุนซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์อย่างจริงจัง
นักวิเคราะห์จาก Wedbush มองว่า Oklo อาจจะมีความก้าวหน้ากว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ในการที่จะเริ่มผลิตไฟฟ้าได้จริง โดย Oklo มีแผนจะเริ่มเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่ไอดาโฮภายในสิ้นปี 2027 ซึ่งโมเดลธุรกิจของ Oklo คือการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าโดยตรง ไม่ได้ขายเตาปฏิกรณ์ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าน่าจะช่วยให้บริษัทมีรายได้ที่สม่ำเสมอในระยะยาวและลดปัญหาจุกจิกที่มักจะพบในโครงการนิวเคลียร์แบบดั้งเดิม
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า นโยบายใหม่นี้จะสามารถพลิกฟื้นและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ในสหรัฐฯ ได้มากน้อยแค่ไหนหลังจากนี้?