Oracle ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025: การเติบโตของ Cloud และ AI ที่น่าประทับใจ แต่นักลงทุนยังคงกังวล

Oracle (ORCL) เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2025 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2025 โดยมีตัวเลขที่น่าสนใจและประเด็นสำคัญที่ควรจับตามอง ถึงแม้จะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในหลายด้าน แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลงหลังการประกาศผล มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น

ตัวเลขสำคัญและไฮไลท์

• รายได้รวม: $14.1 พันล้าน เติบโต 8% แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ $14.38 พันล้าน

• กำไรต่อหุ้น (EPS): $1.47 เติบโต 4% ในสกุลดอลลาร์ (7% ในสกุลเงินคงที่) แต่ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ $1.49

• Remaining Performance Obligations (RPO): พุ่งขึ้นอย่างมากถึง 63% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สู่ระดับ $130 พันล้าน (ไม่รวมสัญญาจากโครงการ Stargate)

• Oracle Cloud Infrastructure (OCI): เติบโต 51% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าผู้ให้บริการ hyperscaler รายใหญ่อื่นๆ

• บริการฐานข้อมูลคลาวด์: เติบโต 28% มีรายได้ประจำปีแล้ว $2.3 พันล้าน

• เงินปันผล: เพิ่มขึ้น 25% จาก $0.40 เป็น $0.50 ต่อหุ้น

ความสำเร็จด้านคลาวด์และ AI

Oracle ระบุว่าไตรมาสนี้เป็นไตรมาสที่มีการลงนามในสัญญาขายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยเพิ่ม $48 พันล้านเข้าสู่ backlog ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความต้องการในอนาคตที่แข็งแกร่ง

บริษัทได้สร้างคลาวด์รีเจี้ยนแห่งที่ 101 ซึ่งทำให้มีจำนวนมากกว่าคู่แข่งทั้งหมดรวมกัน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มพลังการประมวลผลเป็นสองเท่าในปีปฏิทินนี้และเป็นสามเท่าภายในสิ้นปีงบประมาณหน้า

ด้าน AI, Oracle กำลังสร้างคลัสเตอร์ GPU NVIDIA GB 200 ขนาด 64,000 ตัวสำหรับการฝึกสอน AI และได้ลงนามในสัญญากับ AMD เพื่อสร้างคลัสเตอร์ GPU อีก 30,000 ตัว นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า "AI data platform" ที่ช่วยให้ลูกค้าฐานข้อมูล Oracle สามารถใช้โมเดล AI ล่าสุดจาก OpenAI, xAI และ Meta ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ได้

ทิศทางในอนาคต

Safra Catz, CEO ของ Oracle ได้ให้มุมมองที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต:

• คาดว่ารายได้รวมในไตรมาส 4 จะเติบโต 9-11% ในสกุลเงินคงที่

• มั่นใจในการบรรลุเป้าหมายรายได้ $66 พันล้านสำหรับปีงบประมาณ 2026 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 15%

• คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตในปีงบประมาณ 2027 จะอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CapEx) สำหรับปีงบประมาณ 2025 จะสูงถึงประมาณ $16 พันล้าน ซึ่งมากกว่าสองเท่าของปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงการลงทุนอย่างมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และ AI

เหตุผลที่นักลงทุนยังกังวล

แม้จะมีตัวเลขการเติบโตที่น่าประทับใจ แต่ราคาหุ้น Oracle ปรับตัวลงหลังการประกาศผลประกอบการ ด้วยเหตุผลหลักดังนี้:

1. ผลประกอบการต่ำกว่าคาด: ทั้ง EPS และรายได้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 3 ใน 4 ไตรมาสล่าสุดที่ EPS ต่ำกว่าที่คาดไว้

2. การชะลอตัวของการเติบโต: การเติบโตของ OCI ชะลอตัวเล็กน้อยจาก 52% ในไตรมาสก่อนหน้าเป็น 49% ในไตรมาสนี้ และรายได้จากใบอนุญาตซอฟต์แวร์ลดลง 8%

3. ค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูง: ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CapEx) เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น $5.9 พันล้านในไตรมาสนี้ และคาดว่าจะสูงถึง $16 พันล้านสำหรับทั้งปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดในระยะสั้น

4. ความกังวลเกี่ยวกับ ROI: การลงทุนจำนวนมากในโครงสร้างพื้นฐานทำให้เกิดคำถามว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่จะเห็นผลตอบแทนที่คุ้มค่า

5. ความล่าช้าในการแปลง RPO เป็นรายได้: แม้ RPO จะเติบโตอย่างมาก แต่บริษัทยอมรับว่ายังมีความล่าช้าในการขยายความจุคลาวด์ ซึ่งอาจหมายถึงการแปลง backlog เป็นรายได้อาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้

มุมมองโดยรวม

Oracle กำลังเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจคลาวด์และ AI โดยเฉพาะในด้านการฝึกสอน AI และ multi-cloud database ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทมีข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีที่ชัดเจนในแง่ของความเร็วและประสิทธิภาพเชิงต้นทุน และกำลังเห็นการย้ายไปสู่คลาวด์ของฐานลูกค้าฐานข้อมูลขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุนจำนวนมหาศาลในระยะสั้น และการชะลอตัวของการเติบโตในบางส่วนของธุรกิจ ความสามารถของ Oracle ในการแปลง RPO จำนวนมากเป็นรายได้และกำไรในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่านักลงทุนจะมองบริษัทนี้อย่างไรในระยะยาว

สำหรับนักลงทุนระยะยาว Oracle ยังคงเป็นผู้เล่นที่น่าสนใจในตลาด AI และคลาวด์ที่กำลังเติบโต แต่ควรตระหนักถึงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นเนื่องจากบริษัทกำลังเร่งการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต