"PepsiCo" โดนปรับลดราคาเป้าหมาย! เจาะลึก: เกิดอะไรขึ้น??

เมื่อวานนี้หุ้น PepsiCo ร่วง -2.66% โดยสาเหตุหลักไม่ได้มาจากข่าวร้ายของบริษัทโดยตรง แต่เป็นเพราะนักวิเคราะห์จาก Bank of America ออกมาปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อ" เหลือแค่ "ถือ" พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก $185 เหลือ $155 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาก่อนหน้าพอสมควร

เหตุผลที่นักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายเพราะ ฝั่งธุรกิจขนมขบเคี้ยว Frito-Lay ที่เป็นจุดแข็งของ PepsiCo เริ่มมีปัญหา ขายได้น้อยลงต่อเนื่องหลายไตรมาส เพราะบริษัทขึ้นราคาขนมจนแพงกว่าค่าแรงที่คนได้รับ ส่งผลให้ยอดขายตามปั๊มน้ำมันหรือร้านสะดวกซื้อลดลง คนทั่วไปก็เริ่มรัดเข็มขัด ไม่ค่อยซื้อของกินเล่นเท่าเดิม ส่วนฝั่งเครื่องดื่มก็ยังไม่ฟื้นเท่าไร เพราะ Pepsi ยังไม่มีสินค้าใหม่ที่โดนใจตลาดอย่างเครื่องดื่มรสชาติใหม่ๆ หรือสายสุขภาพ เช่น น้ำหวานผสมโพรไบโอติก น้ำอัดลมรสผลไม้ หรือพวกเครื่องดื่มพลังงานที่กำลังมาแรง ขณะที่คู่แข่งอย่าง Coca-Cola เดินเกมไวกว่าในเทรนด์สุขภาพ

แม้ยอดขายต่างประเทศจะดีขึ้น แต่ก็ยังชดเชยยอดขายในอเมริกาเหนือไม่ได้ ทำให้ Bank of America มองว่าโอกาสที่ PepsiCo จะโตโดดเด่นหรือมีกำไรต่อหุ้นโตแรง ในปี 2025-2026 ค่อนข้างยาก ยังไม่นับเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ที่อาจทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นอีกด้วย

สรุปคือ หุ้น PepsiCo ตอนนี้เจอแรงกดดันทั้งเรื่องกำลังซื้อผู้บริโภคที่อ่อนแอลง การแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงเร็ว และต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้มุมมองนักลงทุนสถาบันเริ่มไม่มั่นใจเท่าเดิม ราคาหุ้นจึงปรับลงแรงกว่าตลาด

แต่ถ้าเรามอง PepsiCo เป็นหุ้นปันผลยักษ์ใหญ่ที่มีฐานธุรกิจมั่นคงทั่วโลก ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงต่ำในระยะยาว แต่ถ้าหวังโตก้าวกระโดดใน 1-2 ปีนี้ คงต้องรอดูว่าบริษัทจะพลิกเกมธุรกิจขนมและเครื่องดื่มได้แค่ไหน เพราะตอนนี้เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วมาก ใครปรับตัวไม่ทันก็มีโอกาสเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่งไปเรื่อยๆ เพื่อนๆนักลงทุนสายปันผลหรือสายระยะยาวยังคงถือได้ แต่ถ้าสายเก็งกำไรหรือเน้นเติบโตเร็ว อาจต้องหาจังหวะหรือรอดูทิศทางใหม่ของบริษัทก่อน