หุ้น PRCT Q1/25: รายได้โตแรง-กําไรดีกว่าคาด แต่มีอะไรต้องระวัง!?

หุ้น PROCEPT BioRobotics รายงานผลประกอบการ Q1/2025 ตัวเลขออกมาดีมาก โดยรายได้พุ่งขึ้น +55% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทะลุ $69.2 ล้าน ซึ่งเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่ประเมินไว้ที่ $65.43 ล้าน นอกจากนี้ บริษัทยังทำกำไรต่อหุ้น (EPS) ได้ดีกว่าคาด ที่ -$0.45 ดีกว่าการคาดการณ์ที่ -$0.4907 ซึ่งเป็นการทำผลงานได้ดีกว่าคาดการณ์ถึง 8.3%

ที่น่าประทับใจคือ ยอดขายในสหรัฐฯเติบโต +50% และยอดขายด้านหัวจับและวัสดุสิ้นเปลือง เพิ่มขึ้นถึง +61% ส่วนยอดขายระหว่างประเทศเติบโตถึง +104% ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากเพราะ แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยี Aquablation® ของบริษัทกำลังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่ทั่วโลก

นอกจากนี้ บริษัทยังปรับเพิ่มเป้ารายได้ทั้งปี 2025 เป็น $323 ล้าน ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจในการเติบโตในอนาคต อัตรากำไรขั้นต้นก็เพิ่มขึ้นเป็น 64% จาก 56% ในปีก่อน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้นและราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดที่ทำให้นักลงทุนตื่นเต้นมาก

อีกจุดที่น่าสนใจคือ ยอดขายระบบหุ่นยนต์ใหม่ 43 ระบบในสหรัฐฯ โดยประมาณ 45% ของการติดตั้งมาจากคำสั่งซื้อจากเครือข่ายโรงพยาบาลขนาดใหญ่ (IDN) ซึ่งสะท้อนว่าเทคโนโลยีของบริษัทกำลังได้รับการยอมรับจากสถาบันการแพทย์ระดับแนวหน้า

แต่ก็มีข้อกังวลอยู่บ้าง

เรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เป็น $71.6 ล้าน จาก $52.7 ล้านในไตรมาส 1 ปี 2024 คิดเป็นเพิ่มขึ้นกว่า 36% ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วกว่าการเติบโตของรายได้ โดยสาเหตุหลักมาจาก การขยายทีมขาย การวิจัยและพัฒนา และค่าใช้จ่ายบริหารทั่วไปที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเรื่องภาษีนำเข้า (tariffs) ที่อาจส่งผลกระทบประมาณ $5 ล้าน ต่ออัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งหลังของปี 2025

มากกว่านั้น บริษัทยังมีการพึ่งพาผลิตภัณฑ์หลักเพียงไม่กี่ตัว โดยรายได้กว่า 92.4% มาจากตลาดการรักษาต่อมลูกหมาก ทำให้มีความเสี่ยงถ้าหากมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาทดแทน และบริษัทยังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ที่มีขนาดใหญ่กว่า เช่น Intuitive Surgical, Stryker และ Medtronic ซึ่งมีทรัพยากรและเครือข่ายการขายที่ใหญ่กว่ามาก

ความกังวลอีกอย่างนึงคือ ความไม่แน่นอนเรื่องการเบิกจ่ายในตลาดการดูแลสุขภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อการยอมรับเทคโนโลยีของบริษัท และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและกระบวนการอนุมัติที่เข้มงวด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตลาด และยังมีความเสี่ยงจากการพึ่งพาชิ้นส่วนจากจีน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

ด้านโมเดลธุรกิจของ PROCEPT ใช้กลยุทธ์ธุรกิจเหมือนบริษัทเครื่องพิมพ์และหมึก คือขายอุปกรณ์หลัก (เครื่องหุ่นยนต์) เพื่อสร้างฐานลูกค้า แล้วทำกำไรจากการขายอุปกรณ์ที่ต้องใช้ซ้ำ (หัวจับและวัสดุสิ้นเปลือง) ในภายหลัง เห็นได้ชัดว่ายอดขายวัสดุสิ้นเปลืองเติบโตถึง 61% ซึ่งเร็วกว่ายอดขายเครื่องหุ่นยนต์ที่เติบโต 31% นี่แสดงให้เห็นว่าโรงพยาบาลที่ซื้อเครื่องไปแล้วกำลังใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บริษัทมีรายได้ต่อเนื่องที่แน่นอนและคาดการณ์ได้

ในแง่ฐานะการเงินของบริษัทถือว่ายังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะยังขาดทุนอยู่ แต่ขาดทุนลดลงเป็น $24.7 ล้าน จาก $26 ล้านในปีก่อน อัตราขาดทุนสุทธิดีขึ้นเป็น 35.7% จาก 58.3% ในปีก่อน ผลขาดทุน EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วก็ดีขึ้นเป็น $15.8 ล้าน จาก $20.4 ล้าน แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังมุ่งหน้าสู่จุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น

บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดถึง $319.2 ล้าน ในขณะที่มีเงินกู้ยืมระยะยาวเพียง $52 ล้าน ซึ่งหมายความว่าบริษัทมีเงินสดมากกว่าหนี้สินถึง 6 เท่า แสดงถึงความมั่นคงทางการเงินและมีเงินเพียงพอที่จะลงทุนอีกหลายปี

โดยรวมแล้ว PROCEPT ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ การที่บริษัทปรับเพิ่มเป้ารายได้ทั้งและมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีมาก ความเสี่ยงหลักที่เห็นคือการแข่งขันจากบริษัทขนาดใหญ่และผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่อาจทำให้อัตรากำไรลดลง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์และตลาดการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต (BPH) ที่มีผู้ป่วยกว่า 40 ล้านคนในสหรัฐฯ ทำให้ PROCEPT ยังคงมีศักยภาพการเติบโตระยะยาวที่แข็งแกร่ง เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่สามารถรับความผันผวนระยะสั้นได้