【【 Exclusive 】】สําหรับผู้ถือหุ้น LLY | ลงทุนมหาศาลเพื่ออนาคต!

สวัสดีครับเพื่อนๆผู้ถือหุ้นครับ วันนี้มีงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีล่าสุดของ Eli Lilly (LLY) มาฝากครับ

เกี่ยวกับบริษัท

  • ธุรกิจของ Eli Lilly: เป็นบริษัทยา ที่คิดค้น พัฒนา และผลิตยาใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคทางระบบประสาท (อย่างอัลไซเมอร์) และโรคภูมิคุ้มกันครับ

  • ทำไมหุ้นนี้น่าสนใจ: ในช่วงปีที่ผ่านมา Lilly โตแรงมากครับ โดยเฉพาะจากยาตัวชูโรงอย่าง Mounjaro (ยารักษาเบาหวาน) และ Zepbound (ยาลดน้ำหนัก) ที่ขายดีมากๆ แถมบริษัทยังทุ่มเงินมหาศาลไปกับการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อคิดค้นยาใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรายังคงคาดหวังการเติบโตในอนาคตได้ยาวๆ

สิ่งที่น่าสนใจ:

  • ผลประกอบการปี 2024 เติบโตแข็งแกร่งมาก:

    • รายได้รวมทั้งปี 2024 โตถึง 32% แตะ $45,000 ล้าน! ส่วนในไตรมาส 4 ปี 2024 รายได้โตถึง 45%

    • แรงขับเคลื่อนหลักมาจากยาใหม่ๆที่ประสบความสำเร็จ อย่าง Mounjaro, Zepbound และ Verzenio (ยารักษามะเร็ง)

  • นวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น:

    • Lilly เปิดตัวยาใหม่ไปแล้ว 5 ตัวตั้งแต่ปี 2022 เช่น Mounjaro, Zepbound, Jaypirca (ยามะเร็ง), Kisunla (ยาอัลไซเมอร์), และ Omvoh (ยารักษาลำไส้อักเสบ)

    • ในปี 2024 มีความคืบหน้าสำคัญๆ ในการพัฒนายาหลายตัว ทั้งในกลุ่มโรคอ้วน เบาหวาน มะเร็ง ระบบประสาท และภูมิคุ้มกัน มีการเริ่มทดลองยาเฟส 3 ใหม่ถึง 8 โปรแกรม และเปิดเผยผลการทดลองเฟส 3 ถึง 21 การทดลอง ซึ่ง 17 รายงานถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชั้นนำ

    • ได้รับการอนุมัติยาใหม่ 2 ตัวในปี 2024 คือ Kisunla สำหรับโรคอัลไซเมอร์ และ Evolus สำหรับโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ แถม Zepbound ยังได้รับการอนุมัติให้เป็นยาตัวแรกสำหรับรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นอีกด้วย

  • ทุ่มลงทุนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา:

    • ในปี 2024 Lilly ลงทุนใน R&D ไปเกือบ $11,000 ล้าน คิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด และเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคต

  • การขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่:

    • ตั้งแต่ปี 2020 บริษัททุ่มเงินลงทุนกว่า $50,000 ล้าน เพื่อขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตยา เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะยาตัวดังๆ

  • ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ดี:

    • ในเดือนธันวาคม 2024 บริษัทประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า $15,000 ล้าน และประกาศเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาส 15% เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน

  • การเข้าซื้อกิจการและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์:

    • ซื้อกิจการ Morphic Therapeutics และร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนายาต้านจุลชีพตัวใหม่ๆ

    • เปิดศูนย์นวัตกรรม Lilly Seaport Innovation Center ในบอสตัน และ Lilly Gateway Lab ในอังกฤษ เพื่อร่วมมือกับนักวิจัย

  • การเข้าถึงยาที่ง่ายขึ้นสำหรับผู้ป่วย:

    • เปิดตัวแพลตฟอร์ม LillyDirect ในสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเข้าถึงการดูแลและยาได้ง่ายขึ้น รวมถึงยาสำหรับโรคอ้วน เบาหวาน และไมเกรน ส่งตรงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ

สิ่งที่ต้องติดตาม:

  • ข้อเสนอของผู้ถือหุ้นบางข้อไม่ผ่านการอนุมัติ:

    • มีข้อเสนอจากผู้ถือหุ้น 2 ข้อที่ไม่ได้รับการอนุมัติ คือ:

      1. ข้อเสนอให้ยกเลิกโครงสร้างคณะกรรมการแบบแบ่งชั้น เพื่อให้กรรมการทุกคนได้รับการเลือกตั้งทุกปี แทนที่จะทยอยเลือกทีละส่วนทุก 3 ปี (การเลือกตั้งทุกปีจะทำให้ผู้ถือหุ้นมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงกรรมการได้เร็วขึ้น หากไม่พอใจผลงาน)

      2. ข้อเสนอให้ยกเลิกข้อกำหนดที่ต้องใช้เสียงสนับสนุนถึง 80% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดในการอนุมัติการดำเนินการบางอย่างของบริษัท (การลดเกณฑ์นี้ลงจะทำให้การตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ บางอย่างทำได้ง่ายขึ้น)

    • การที่ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ผ่าน อาจทำให้ผู้ถือหุ้นบางกลุ่มมองว่า โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร หรือฝ่ายบริหารอาจจะยังต้องการคงอำนาจในการควบคุมบางอย่างไว้ครับ

  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Risks):

    • มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการฝึกอบรมพนักงานเพื่อป้องกันการคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่มีอยู่จริงสำหรับทุกบริษัทใหญ่ ถึงแม้บริษัทจะมีโปรแกรมป้องกันอยู่แล้วก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังอยู่เสมอ

  • คำแถลงการณ์เกี่ยวกับอนาคตเป็นเพียงการคาดการณ์:

    • ตามมาตรฐานทั่วไป ในการประชุมจะมีการแจ้งเตือนว่า ข้อมูลบางส่วนเป็นการคาดการณ์อนาคต ซึ่งผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างออกไปได้จากปัจจัยหลายอย่าง นี่เป็นเรื่องปกติ แต่ก็เตือนให้นักลงทุนนึกไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรแน่นอน 100%

คุณ Dave Ricks ซึ่งเป็น CEO ของ Lilly กล่าวว่า…

"เกือบ 150 ปีแล้วที่ Lilly สร้างสรรค์ยาขึ้นมา และผมอยากจะบอกว่า เรามีโอกาสดีมากที่จะพลิกโฉมสุขภาพของผู้คนให้ดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งไม่เคยยิ่งใหญ่เท่ากับวันนี้ ด้วยการสนับสนุนจากพวกคุณทุกคน (ผู้ถือหุ้น) เราจะเดินหน้าลุยกับความท้าทายทางการแพทย์ที่หนักหนาสาหัสที่สุดต่อไป ด้วยวิทยาศาสตร์ ด้วยความกล้า และด้วยความมุ่งมั่น ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ตาม เรื่องราวจากผู้ป่วยที่เราได้รับฟังทุกวัน รวมถึงผลกระทบเชิงบวกที่เราสร้างขึ้นทั่วโลกโดยทีมงาน Lilly ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อพัฒนายาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก"

★𝓐𝓓𝓜𝓘𝓝★ :

ช่วงนี้หุ้นร่วงติดต่อกันเพราะ…

  1. กังวลภาษียาที่กำลังจะมา

  2. Eli Lilly ปรับลดประมาณการกำไรทั้งปี 2025 ลง

  3. ยาลดน้ำหนักและยาเบาหวาน ยอดขายต่ำกว่าคาด (คาดหวังสูง)

  4. CVS ประกาศถอดยาลดน้ำหนักของ Eli Lilly

งานนี้ทำให้ได้รู้ว่า LLY เป็นบริษัทที่มองไปข้างหน้ามากๆและกล้าลุยเพื่อการเติบโต! พื้นฐานของบริษัทยังแข็งแกร่ง มีการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่อง เรายังคงคาดหวังอนาคตได้อยู่แน่นอน มีกลุ่มยาเพียบที่อยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเฉพาะยาที่อยู่ในระยะที่ 3 ของการทดลองทางคลินิก ที่ใกล้คลอดเต็มที! ถ้าลงทุนหุ้นนี้อาจจะต้องมองไปยาวๆ น่าลุ้นมากๆ!

📍 แนวรับ : $720, $620, $540