- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- 'Snowflake' เส้นทางลับสู่อนาคต AI ที่นักลงทุนห้ามมองข้าม!?
'Snowflake' เส้นทางลับสู่อนาคต AI ที่นักลงทุนห้ามมองข้าม!?
ใครๆ ก็พูดกันว่า “ข้อมูลคือแหล่งน้ำมันใหม่” แต่พอมาถึงยุคของ AI ที่คิดและลงมือทำเองได้ คำพูดนี้อาจจะดูเก่าไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะน้ำมันนั้นถูกขุดขึ้นมาแล้วก็เผาทิ้งไป แต่ข้อมูลในวันนี้ไม่ใช่แค่เชื้อเพลิงอีกต่อไป แต่คือ “พฤติกรรม” คือความทรงจำ และเป็นวงจรการตัดสินใจของ AI
ในโลกที่ AI ไม่ได้มีหน้าที่แค่ตอบคำถาม แต่ต้องลงมือทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่าใครสร้าง AI ได้เก่งที่สุด แต่เป็นใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ “พื้นที่” ที่ AI จะใช้เรียนรู้ คิด และทำงาน ซึ่งนี่แหละคือจุดที่ Snowflake เข้ามามีบทบาทสำคัญ
หลายคนอาจจะยังมองว่า Snowflake เป็นแค่บริษัทคลังข้อมูลแบบเก่าๆ หรือพยายามจะเปรียบเทียบกับการสร้าง AI หรือออกแบบชิป แต่จริงๆแล้ว Snowflake กำลังวางตัวเองเป็น “รากฐาน” ที่มีข้อมูลคุณภาพสูง จัดการอย่างเป็นระเบียบ และพร้อมให้ AI ขององค์กรต่างๆ เข้ามาใช้งาน พูดง่ายๆ คือ แทนที่ความสำคัญจะหายไป แต่ Snowflake กลับยิ่งลงลึกและหยั่งรากอยู่บนแพลตฟอร์มมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เป็นเหมือนศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงที่ดึงดูดทุกอย่างให้เข้ามาหา
หลายคนยังวิจารณ์ว่า Snowflake จะหมดบทบาทเมื่อโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) กลายเป็นหัวใจของเทคโนโลยี ว่าคลังข้อมูลแบบเดิมเป็นของเก่า และ Databricks ที่เน้น Machine Learning และเพิ่งซื้อ MosaicML จะเป็นผู้ชนะในอนาคต แต่ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า “ประสิทธิภาพของโมเดล” คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งความจริงไม่ใช่แล้ว ตอนนี้การแข่งขันกำลังเปลี่ยนไปสู่ “การลงมือทำ” ไม่ว่าจะเป็น RAG pipeline, semantic memory หรือการเชื่อมโยงการกระทำข้ามระบบ ข้ามทีม และข้ามข้อบังคับต่างๆ ในโลกใหม่นี้ โมเดล AI จะทำงานแบบโดดเดี่ยวไม่ได้ เพราะต้องพึ่งพาข้อมูลที่เชื่อถือได้ ครบถ้วน และถูกต้องตามกฎระเบียบโดยอัตโนมัติ
คุณคงไม่เอา ChatGPT ที่ฝึกจากกระทู้ Reddit สาธารณะไปรันโรงงานจริงๆ คุณต้องใช้ข้อมูลที่คัดสรร มีสิทธิ์เข้าถึง และมีความละเอียดสูง นี่แหละคือเหตุผลที่ Snowflake ถูกดึงให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะเอเจนต์ AI ทุกตัวต้องการ “ระบบบันทึกข้อมูลหลัก” ทุกวงจรการตัดสินใจต้องการบริบท และบริบทนั้นจะไม่ได้มาจาก data lake ที่ยุ่งเหยิงหรือเว็บที่ขูดข้อมูลมา แต่มาจากระบบปฏิบัติการที่มีโครงสร้างและสะท้อนการทำงานจริงของธุรกิจ Snowflake ไม่ได้แค่เก็บข้อมูล แต่ยังดูแล “ควบคุม” การเข้าถึงและใช้งานให้เป็นระเบียบด้วย ซึ่งนี่แหละคือความแตกต่าง
อีกหนึ่งความเข้าใจผิดก็คือ การคิดว่าบริษัท AI ยักษ์ใหญ่จะเข้ามาคุมตลาดนี้ทั้งหมด แต่ในโลกธุรกิจจริงๆแล้ว ไม่มีใครอยากถูกผูกขาดอยู่กับผู้ให้บริการรายเดียว องค์กรต่างๆ ต้องการความยืดหยุ่น และที่สำคัญที่สุดคือ “ความปลอดภัย” บริษัทเหล่านี้อยากจะดึง AI เข้ามาหาข้อมูลของตัวเอง มากกว่าที่จะส่งข้อมูลสำคัญๆ ของบริษัทออกไปข้างนอก นี่คือจุดที่บริการอย่าง Snowpark Container Services ของ Snowflake โดดเด่นขึ้นมา เพราะทำให้ AI สามารถทำงานได้ภายในขอบเขตข้อมูลที่ปลอดภัยขององค์กรเอง ทุกอย่างเกิดขึ้นหลังไฟร์วอลล์ อยู่ในพื้นที่ที่ตรวจสอบได้
จุดที่ตลาดเพิ่งเริ่มเข้าใจคือ ข้อมูลสาธารณะกำลังจะหมด AI รุ่นต่อไปไม่สามารถโตได้ด้วยการพึ่งพาข้อมูลจากเว็บหรือ Wikipedia อีกต่อไป GPT-4 ถูกฝึกด้วยข้อมูล 13 ล้านล้าน token ซึ่งก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ในขณะที่ข้อมูลสาธารณะเริ่มหายาก Snowflake กลับนั่งอยู่บนขุมทรัพย์ที่อาจมีค่ามากที่สุดในโลกหลังยุคโมเดลพื้นฐาน นั่นก็คือข้อมูลส่วนตัวขององค์กรต่างๆ ที่มีโครงสร้างชัดเจนปริมาณมหาศาลถึงประมาณ 20 เอ็กซาไบต์ นี่ไม่ใช่แค่ที่เก็บข้อมูล แต่มันคือ “อำนาจต่อรอง” ทางเศรษฐกิจ
ทำไม Jensen Huang ถึงไปพูดที่งาน Snowflake Summit?
ก็เพราะโมเดล AI ต้องการข้อมูลจำนวนมาก และ Snowflake ก็เป็นเหมือนแหล่งรวมข้อมูลดีๆ ให้เลือกใช้ แพลตฟอร์มนี้อาจไม่ได้สร้าง LLM เอง แต่เป็นตัวกำหนดว่า LLM จะเห็นอะไรบ้าง ในโลกที่เอเจนต์อัตโนมัติจะทำงานแทนผู้ใช้ในทุกมิติ การที่แพลตฟอร์มนี้ควบคุม “สิ่งที่มองเห็น” จึงกลายเป็นอำนาจที่แท้จริง
ถ้ายังมัวแต่รอว่าใครจะออกโมเดลใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม อาจจะพลาดการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะอนาคตไม่ได้วัดกันที่ใครฝึกโมเดลใหญ่สุด แต่ดูว่าใครให้ “สัญญาณ” ที่ดีที่สุด ใครควบคุมการเข้าถึง ใครเปิดให้เรียกคืน แก้ไข ตอบสนอง และลงมือทำได้ในขอบเขตที่องค์กรต้องการ
เพราะฉะนั้น Snowflake จะไม่หายไปไหน แต่จะกลายเป็น “แผนที่” ที่โมเดล AI ต้องมาหา ไม่ใช่แค่เพื่อเรียนรู้ แต่เพื่อปฏิบัติจริง และเมื่อเอเจนต์ AI เปลี่ยนเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนที่ Snowflake ควบคุมจะกลายเป็นรากฐานของระบบปฏิบัติการดิจิทัลยุคใหม่ ซึ่งระบบนี้ไม่ได้ทำงานผ่านหน้าจอหรือการสั่งค้นหาข้อมูลแบบเดิมๆ แต่จะทำงานอัตโนมัติผ่านชุดคำสั่งและกฎที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์จะออกมาเองโดยไม่ต้องมีคนมาคลิกหรือดูหน้าจอ
ทั้งหมดนี้สิ่งที่หาได้ทั่วไป แต่คือ “ศูนย์ควบคุม” ที่ตลาดเริ่มให้คุณค่าและความสำคัญขึ้นไปเรื่อยๆ