- ลงทุนหุ้นอเมริกา
- Posts
- วิกฤต Tesla?? สรุปทุกประเด็นร้อน 'ฉุดหุ้นดิ่ง' หลังปล่อยงบ Q2!! นักลงทุนควร 'ถือต่อ' หรือ 'ปล่อยมือ'??
วิกฤต Tesla?? สรุปทุกประเด็นร้อน 'ฉุดหุ้นดิ่ง' หลังปล่อยงบ Q2!! นักลงทุนควร 'ถือต่อ' หรือ 'ปล่อยมือ'??

เมื่อคืนนี้มีประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับหุ้น Tesla หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 หุ้นร่วงหลังตลาดปิด หลายเสียงนักวิเคราะห์ออกมาแสดงความกังวลกันเพียบ สาเหตุจริงๆ ไม่ได้มีจุดเดียวที่เป็นตัวกระตุ้นให้ราคาดิ่งลง แต่ราคาหุ้นค่อยๆลดลง ระหว่างที่ Elon Musk กับทีมผู้บริหารกำลังประชุมกับนักลงทุนผ่านโทรศัพท์ โดยลดลงมากกว่า -4% ในคืนเดียว กลับไปอยู่ระดับราคาใกล้สัปดาห์ก่อนหน้า
เหตุผลหลักที่หลายคนมาเน้นคือ “ไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน” โดยเฉพาะเรื่อง robotaxi ในออสตินที่คนจับตา ไม่มีเป้าชัดๆว่า จะเห็นอะไรเป็นรูปธรรม โดย Elon Musk เองก็บอกเลยว่าปีข้างหน้าจะมี “ปัญหาขลุกขลัก” อีก 4 ไตรมาส ก่อนที่ธุรกิจ robotaxi จะสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญด้านตัวเลขกำไรจริงๆ ทำให้เกิดความกดดันว่าบริษัทต้อง “ควักเงินลงทุน” กับเทคโนโลยีใหม่ไปอีกพักใหญ่ กว่าจะมีรายได้ที่จับต้องได้
ถัดมา เรื่อง “โมเดลราคาถูก” ที่เคยหวังว่าจะเห็นรถใหม่คนละแบบ สรุปคือ…เป็นเพียงโมเดล Y เวอร์ชั่นเล็กลง ทำให้นักลงทุนบางคนลุ้นว่าตลาดจะไปแย่งกินยอดขายกับของเดิมมากกว่าจะขยายฐานลูกค้าเพิ่ม
ส่วนด้าน Fred Lambert ที่เป็นบรรณาธิการเว็บรถไฟฟ้า Electrek ก็บอกแบบตรงๆว่า “การประชุมนักลงทุนรอบนี้ของ Tesla มันดูยุ่งเหยิงไปหมด เหมือนไม่มีความเป็นมืออาชีพ” ถึงขั้นแซะว่า Elon Musk พูดอะไรที่ฟังแล้วทนายที่กำลังฟ้องบริษัทน่าจะมีข้อมูลกลับไปเล่นงานเต็มที่ โดยเฉพาะในคดีความที่เกี่ยวกับการบริหารงานกับ xAI ประเด็นฟ้องร้องและความเสี่ยงด้านกฎหมายก็เพิ่มขึ้น นี่ยังไม่นับที่มีรายงานว่าเฉพาะคดีต่างๆ ที่สะสม อาจเรียกค่าเสียหายรวมกันเกิน $2,300 ล้านเหรียญ
ผลประกอบการที่ออกมาก็ไม่ได้ช่วยอะไร Tesla รายได้ $22.5 พันล้าน ลดลง 12% จากปีก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด กำไรต่อหุ้น $0.40 ต่ำกว่าเป้าที่คาดไว้ที่ $0.42 ส่งผลให้ความมั่นใจในอนาคตยิ่งลดลง เพราะตลาดเริ่มคิดว่าหนทางไปถึงจุดกำไรจาก robotaxi หรือ AI ยังอีกไกล และอาจจะต้องเจอกับอุปสรรค ทั้งการแข่งขันกับแบรนด์จีนอย่าง BYD ที่เข้ามาตีตลาดด้วยราคา โครงสร้างต้นทุนก็ยังคุมไม่อยู่เพราะห่วงโซ่อุปทานโลกยังผันผวนหนัก
ช่วงนี้หุ้น Tesla ยังต้องใช้ความอดทนสำหรับคนที่ลงทุนระยะยาว เพราะภาพรวมธุรกิจยังไม่เห็นปัจจัยบวกเด่นๆในเร็วๆนี้ กำไรของบริษัทก็ยังชะลอตัว มีโอกาสที่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเพื่อพัฒนาโปรดักต์ใหม่ๆ ขณะที่ยอดขายรถหลักก็โตไม่เร็วเหมือนเดิม บวกกับกำลังซื้อของผู้บริโภคก็เริ่มลดลง แถมมีความเสี่ยงจากประเด็นทางการเมืองและกฎหมายที่มากระทบเรื่อยๆ ถ้ามองระยะยาว ต้องคอยจับตาดูว่าโครงการ robotaxi หรือธุรกิจ AI ของ Tesla จะสร้างผลลัพธ์ทางการเงินได้จริงหรือไม่ ส่วนนักลงทุนสายเทรดระยะสั้น ช่วงนี้ต้องระวังผันผวนแรง โดยเฉพาะในจังหวะที่มีการประกาศข่าวสำคัญแบบนี้