TSLA "Robotaxi" มาจริง!! ส่องอนาคต "Optimus" ตัวเปลี่ยนเกม? ควร 'ถือ' หรือ 'พอ' แค่นี้??

Tesla เตรียมจะเริ่มทดสอบโปรแกรม Robotaxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับแล้วที่ออสติน เท็กซัส ในเดือนมิถุนายน 2025 ที่จะถึงนี้ โดยจะเริ่มจากรถ Model Y ประมาณ 10 คันก่อน แล้วค่อยๆขยายโปรแกรมในปี 2026 ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ ก็อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Tesla และช่วยให้บริษัทเติบโตได้อีกเยอะ

แต่แน่นอนว่าเส้นทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะ Tesla ก็มีคู่แข่งอย่าง Waymo ของ Alphabet (บริษัทแม่ Google) ที่ก็กำลังขยายบริการแท็กซี่ไร้คนขับไปในหลายเมือง แซงหน้า Tesla ไปบ้างแล้วด้วย ทำให้การแข่งขันในตลาดนี้ดุเดือดแน่นอน

นอกจากเรื่อง Robotaxi แล้ว Tesla ก็ยังมีโปรเจกต์หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ชื่อ Optimus ที่อีลอน มัสก์ คาดหวังไว้สูงมาก ว่าจะผลิตได้เป็นล้านตัวในอีก 5 ปีข้างหน้า เอาไว้ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในโรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่งานที่อันตราย อย่างเช่น การค้นหาและกู้ภัย แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ในภาคการผลิตจริงๆ หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเฉพาะทางอาจจะยังตอบโจทย์ได้ดีกว่า

ทีนี้มาดูเรื่องใกล้ตัวกันบ้าง ในระยะสั้น Tesla เองก็เจอกับความท้าทายอยู่หลายเรื่อง ทั้งยอดขายรถยนต์ที่อาจจะยังดูไม่สดใสนักในช่วงนี้ เพราะสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แล้วก็ยังมีเรื่องกำแพงภาษีที่อาจจะกระทบธุรกิจพลังงาน เพราะแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ก็ยังพึ่งพาการผลิตจากจีนอยู่ ถึงแม้ Tesla จะพยายาม สร้างโรงงานและย้ายฐานการผลิตมาในอเมริกามากขึ้นแล้วก็ตาม อย่างโรงกลั่นลิเธียมในเท็กซัส ที่เพิ่งเริ่มดำเนินการไป แต่เรื่องพวกนี้ก็ยังต้องใช้เวลา

ถึงแม้ Tesla จะมีนวัตกรรม และโปรเจกต์ที่น่าตื่นเต้นรออยู่ข้างหน้าเยอะแยะ แต่ด้วยราคาหุ้นในปัจจุบัน ที่เหมือนกับว่าตลาดได้คาดการณ์การเติบโตในอนาคตเหล่านี้เข้าไปในราคาหุ้นพอสมควรแล้ว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงให้คำแนะนำ 'ถือ' หุ้น Tesla ไว้ก่อน พร้อมให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ $287 ต่อหุ้น และราคาเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ $465 ต่อหุ้น

ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับเพื่อนๆ ที่ติดตามหุ้น Tesla อยู่ ลองเอาข้อมูลนี้ไปประกอบการตัดสินใจดูว่า โปรเจกต์ Robotaxi และ Optimus จะสามารถเข้ามาเปลี่ยนเกมและสร้างการเติบโตให้ Tesla ได้อย่างที่หลายคนคาดหวังจริงไหม? หรือว่าความคาดหวังต่างๆ อาจจะถูกสะท้อนเข้าไปในราคาหุ้น ณ.ปัจจุบันไปแล้ว