ทําไม Verve พุ่งทะลุ +82% ในวันเดียว!? เข้าลงทุนตอนนี้ทันไหม??

Verve Therapeutics กลายเป็นหุ้นที่ฮอตที่สุดในตลาดเมื่อวานนี้ เพราะมีข่าวใหญ่ที่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งแรงกว่า +81.50% ในวันเดียว สาเหตุก็เพราะ Eli Lilly บริษัทยายักษ์ใหญ่จากอเมริกาประกาศจะเข้าซื้อกิจการ Verve Therapeutics ในดีลที่มีมูลค่าสูงสุดถึง $1.3 พันล้าน หรือประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท โดยเสนอซื้อหุ้นที่ราคา $10.50 ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้นเฉลี่ย 30 วันที่ผ่านมาเกือบเท่าตัว แถมยังมีโบนัสพิเศษสำหรับผู้ถือหุ้นเดิม ถ้า Verve สามารถพัฒนาและให้คนไข้ในอเมริกาได้ทดลองใช้ยาตัวใหม่ VERVE-102 ในเฟส 3 ได้ภายใน 10 ปี ก็จะได้เงินเพิ่มอีก $3 ต่อหุ้น

ทำไม Eli Lilly ถึงยอมจ่ายแพงขนาดนี้?

คำตอบคือ Verve เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี base editing หรือการตัดต่อยีนแบบแม่นยำสุดๆ โดยเป้าหมายหลักคือยาตัว VERVE-102 ที่สามารถปิดยีน PCSK9 ในตับแบบถาวร ทำให้ลดคอเลสเตอรอลชนิด LDL ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด ถ้ายานี้สำเร็จ จะเปลี่ยนวิธีการรักษาโรคหัวใจจากที่ต้องกินยาตลอดชีวิต มาเป็นการรักษาแค่ครั้งเดียวจบ

ดีลนี้ไม่ใช่แค่ข่าวดีของ Verve อย่างเดียว เพราะยังส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตัดต่อยีนอื่นๆ ด้วย เช่น CRISPR Therapeutics และ Beam Therapeutics ที่ราคาหุ้นขยับขึ้นตามไปด้วย แสดงให้เห็นว่าตลาดมองเทคโนโลยีนี้เป็นอนาคตของการรักษาโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคหัวใจที่มีผู้ป่วยจำนวนมากทั่วโลก

ถ้าถามว่าซื้อ Verve ตอนนี้ยังทันไหม?

ต้องเข้าใจว่าหลังจากมีข่าวซื้อกิจการ ราคาหุ้นมักจะวิ่งขึ้นไปใกล้ราคาเสนอซื้อของผู้ซื้อ ดังนั้น upside ระยะสั้นอาจจะไม่เยอะแล้ว แต่ดีลนี้มีลูกเล่นคือ CVR (contingent value right) ที่ให้สิทธิ์ได้เงินเพิ่มถ้า VERVE-102 ไปถึงจุดที่กำหนดในอนาคต ซึ่งมีความเสี่ยงอยู่ เพราะยาตัวนี้ยังอยู่แค่เฟส 1b เท่านั้น ยังต้องลุ้นอีกหลายด่านกว่าจะถึงเฟส 3 และออกสู่ตลาดจริง

ดีลนี้สะท้อนภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม biotech ที่บริษัทใหญ่เลือกซื้อเทคโนโลยีล้ำๆ แทนการสร้างเอง เพราะต้องการเร่งเข้าสู่ตลาดก่อนคู่แข่ง สำหรับ Eli Lilly ถือว่าคุ้ม เพราะถ้า VERVE-102 สำเร็จ จะกลายเป็น blockbuster drug ที่เปลี่ยนเกมวงการโรคหัวใจ ส่วนคนถือหุ้น Verve ก็ได้ราคาพรีเมียมทันที พร้อมโอกาสลุ้นโบนัสในอนาคต แต่ต้องเข้าใจว่าความเสี่ยงก็สูงพอสมควรเช่นกัน