ทําไม Visa-Mastercard ดิ่งกว่า -5%?? 'สูญ $6 หมื่นล้าน' ในวันเดียว!!

ข่าวใหญ่ที่ทำให้หุ้น Visa กับ Mastercard ร่วงแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกิดจาก รายงานของ Wall Street Journal ที่บอกว่า Amazon กับ Walmart สองยักษ์ค้าปลีกของโลก กำลังพิจารณาออก stablecoin ของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าใช้จ่ายโดยตรงกับเหรียญดิจิทัลที่ตรึงมูลค่ากับเงินดอลลาร์ แทนที่จะต้องผ่านระบบบัตรเครดิตหรือเดบิตแบบเดิม เรื่องนี้ไม่ใช่แค่สองเจ้านี้เท่านั้น Expedia กับสายการบินยักษ์ใหญ่ในอเมริกาก็สนใจด้วย

เหตุผลหลักคือ ร้านค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้เครือข่ายบัตรเครดิตปีละมหาศาล อย่างปี 2023 ร้านค้าจ่ายค่า transaction fees ในอเมริกาไปถึง $172,000 ล้าน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 50% จากก่อนโควิด ถ้าเปลี่ยนมาใช้ stablecoin ก็ช่วยลดต้นทุนตรงนี้ได้เยอะ แถมโอนเงินได้เร็วขึ้น ไม่ต้องรอเคลียร์ยอดข้ามวันข้ามธนาคาร

ข่าวนี้ทำให้หุ้น Visa กับ Mastercard ร่วงไป -4.99% และ -4.62% ตามลำดับ ในวันเดียว มูลค่าหายรวมกันกว่า $60,000 ล้าน นักลงทุนกลัวว่าถ้า stablecoin ของร้านค้าดังๆ เกิดขึ้นจริง จะทำให้เงินหมุนเวียนผ่านระบบบัตรเครดิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

แต่ก็มีนักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่า ตลาดอาจจะตื่นตูมเกินไป เพราะการจะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้มาใช้ stablecoin แทนบัตรเครดิตจริงๆ ยังต้องใช้เวลาอีกนาน คนส่วนใหญ่ยังชอบความสะดวกและสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต เช่น คะแนนสะสมหรือการผ่อนจ่าย แถม stablecoin ยังต้องเจออุปสรรคเรื่องความเชื่อมั่นและกฎระเบียบอีกมาก ตอนนี้ยังต้องรอ GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมายกำกับดูแล stablecoin ผ่านสภาคองเกรสก่อนด้วย

ถึงจะมีความเสี่ยง แต่ Visa กับ Mastercard ก็ไม่ได้อยู่เฉย ทั้งสองบริษัทเริ่มรองรับ stablecoin ในระบบของตัวเองแล้ว เช่น Mastercard จับมือกับ MoonPay ให้ใช้ stablecoin จ่ายที่ร้านค้าทั่วโลกได้ ส่วน Visa ก็ทดลอง settlement ด้วย stablecoin บนบล็อกเชน Solana ถ้า stablecoin โตจริง บริษัทเหล่านี้ก็พร้อมปรับตัว